ข่าว

จับ "เจ้กุ้ง" รวมหัวกับแก๊งทำทีกว้านซื้อที่ดินหลอกเงินรางวัดชาวบ้านสูญเงินนับล้านเครียดจนโรคกำเริบดับ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจปฏิบัติการพิเศษตามจับตัว "เจ้กุ้ง" สมาชิกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเงินรางวัดที่ดินกับผู้เสียหาย หลังทำทีกว้านซื้อที่ดิน ก่อนเชิดเงิน ทำให้ผู้เสียหายเครียดจนโรคมะเร็งกำเริบเสียชีวิต 

     เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผู้กำกับการ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ(บก.ปพ) นำกำลังเข้าจับกุม นางภัทราพัฒน์ หรือ "เจ้กุ้ง" อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับจังหวัดชุมพร ข้อหา ซ่องโจรและ ร่วมกันฉ้อโกง โดยจับได้ในพื้นที่กทม.

     การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ต้อหารายนี้พร้อมกับพวกที่ข้าราชการระดับสูง ได้ตระเวนหาซื้อที่ดินจากชาวบ้าน โดยจะอ้างกับว่า เป็นตัวแทนของบริษัทต่างชาติที่จะมาตระเวนซื้อที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจในประเทศ และจะซื้อที่ดินในราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน แต่ผู้เสียหายจะต้องเสียค่ารางวัดเอง โดยผู้ต้องหาจะเป็นคนจัดหาเจ้าหน้าที่มารางวัดให้ ซึ่งเป็นแผนหลอกเงิน 

  

     เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะโอนเงินให้ หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็จะนำพวกของตนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตัวจริงมารางวัด เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ โดยผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อได้โอนเงินไปให้ผู้ต้องหาไปจำนวนกว่า 9 ครั้ง รวมความเสียหาย 2,970,000 บาท โดยที่ดินที่ตกลงจะซื้อพื้นที่ 3000 กว่าไร่

     ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงสอบถามไปยังผู้ต้องหา แต่ก็ไม่รับการตอบรับในเรื่องการซื้อขายที่ดินแต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกเงิน จึงไปแจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้หลังแจ้งความทางผู้เสียหายเกิดความเครียดอย่างหนักจนทำให้โรคมะเร็งกำเริบและเสียชีวิตในระหว่างการติดตามตัวคนร้าย     

     สอบสวน นางภัทราพัฒน์ ให้การสารภาพว่า เป็นผู้ร่วมหลอกเงินผู้เสียหายจริง แต่ตนเองไม่ใช่เป็นตัวการหลัก 

     นอกจากนี้ทางชุดจับกุมพบผู้ต้องหารายนี้ติดคดีอีก 1 คดี ในข้อหา"ฉ้อโกง" ของศาลแขวงราชบุรี โดยเป็นการหลอกซื้อในลักษณะเดียวกัน มูลค่าความเสียหายกว่าอีก 10 ล้านบาท

     ซึ่งเจ๊กุ้ง กับพวกได้ไปหาซื้อที่ดินจากผู้เสียหาย โดยอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของบริษัทต่างชาติ จะซื้อที่ดินในราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน แล้วให้ทางผู้เสียหายจ่ายเงินค่านายหน้าที่ดินแก่เจ้กุ้งก่อน มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท

     เบื้องต้นนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ