กระทรวงสาธารณสุข ชะลอ ใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาออกไป 1-2 สัปดาห์ ขอรอผลการสอบสวน แจง ไม่ใช่การยุติ ชี้ ตัวยาในวัคซีน ไม่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ระบุ พันธุกรรมในยุโรปส่งผลมากกว่าไทยถึง 3 เท่า
12 มี.ค.64 จากกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุข เลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 จาก "แอสตราเซเนกา" ให้กับ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด) นำทีมคณะแพทย์แถลงสาเหตุการเลื่อนการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาว่า มีความจำเป็นจะต้องมีการชะลอดำเนินการฉีดวัคซีนออกไป เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีการประกาศจากประเทศเดนมาร์กและออสเตรีย รวมถึงประเทศในยุโรป โดยพบผลข้างเคียงที่ทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ ซึ่งทำเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น จึงมีการประกาศชะลอการฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้คณะกรรมการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและทีมคณะแพทย์เห็นว่าการฉีดวัคซีนจะต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ จึงขอให้ชะลอจึงต้องรอฟังผลนั้น เพื่อสืบค้นว่าเหตุที่เกิดในประเทศยุโรปโดยเฉพาะเดนมาร์ก ออสเตรีย เป็นผลจากการฉีดวัคซีนหรือไม่ โดยต้องขอชะลอไว้ เพื่อรอผลการสืบค้น จากประเทศเดนมาร์ก และหน่วยงานในงานทางด้านยุโรป
ด้านนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า การฉีดวัคซีนจำนวนมาก มีโอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์หรืออาการอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นจะต้องมีการพิสูจน์ว่าโรคนั้นหรืออาการนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวน ซึ่งข่าวมีการประกาศว่าจะชะลอใช้ไปก่อน เนื่องจากเกิดลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ อธิบายว่าการเกิดโรคดังกล่าว ซึ่งพบมากในชนชาติแอฟริกัน และยุโรปมากกว่าทวีปเอเชีย ถึง 3 เท่า แสดงว่าปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับโรคนี้ ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนในยุโรปไปทั้งสิ้น 3 ล้านโดส มีผู้ป่วย 22 รายในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เปรียบเทียบเท่ากับ 7 ใน 1 ล้านราย ซึ่งจะมีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นในภาวะปกติ หรือ ในภาวะที่ฉีดวัคซีน ซึ่งต้องหาสาเหตุว่าวัคซีนเพราะเหตุใดจึงทำให้เกิดลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น การเลื่อนในครั้งนี้ไม่ใช่วัคซีนไม่ดีหรือมีปัญหาแต่เป็นการเลื่อนก็ดูสถานการณ์และข้อพิสูจน์ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่กับวัคซีน พร้อมยืนยันว่า วัคซีนที่มีปัญหาผลิตคนละโรงงานกับในประเทศยุโรปและประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เสี่ยงสูง ซึ่งการชะลอการผลิตออกไปไม่ได้ส่งผลกระทบ คณะกรรมการจะเห็นสมควรให้ชะลอ แต่ไม่ใช่การยุติ ในเบื้องต้นจะชะลอได้ไป 1-2 สัปดาห์
โดยนายแพทย์ปิยะสกล ย้ำว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของกระทรวงสาธารณสุข และวัคซีนของแอสตราเซเนกาไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ปลอดภัย ที่มีการกระจายไปแล้วกว่า 34 ล้านโดส จึงมีผลข้างเคียงบ้าง แต่เป็นเพียงการชะลอออกไปในระยะสั้น และเมื่อมีผลสืบสวนออกมาแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้รับการยืนยันชัดเจนว่าปลอดภัย จะขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะมอบให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ การฉีดวัคซีนในกรณีไม่ได้หยุด แต่ของซิโนแวค ยังมีอยู่อีก 1 ล้าน 8 แสนโดส ที่กำลังจะเดินทางมา เหลือเวลาในช่วงนี้ ซึ่งจะฉีดให้กับประชาชนมีความจำเป็นในขั้นแรก
ส่วนสภาพปัจจัยความแตกต่างของคนไทยและประเทศยุโรป ในส่วนของการแข็งตัวของเลือด นายแพทย์ยง อธิบายว่าปัจจัยสำคัญคือเชื้อชาติ หรือพันธุกรรม ถือว่าเป็นส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ซึ่งการแข็งตัวของเลือดไม่เคยเกี่ยวข้องกับวัคซีนชนิดใด และวัคซีนชนิดนี้ไม่มีตัวยาจะใดที่จะกระตุ้น ให้ระบบการแข็งตัวของเลือดนั้นเกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการศึกษาด้านระบาดวิทยาเท่านั้น ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ต้องทำอะไรดูข้อมูลเขาก่อน ซึ่งข้อมูลจะออกมาใน 1-2 วันนี้ โดยต้องมีการหารืออีกครั้ง และเชื่อได้ว่าสามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง