ข่าว

เปิดจุดผ่อนปรนท่าเรือหัวถนน
ทต.น้ำจืด หวังเชื่อมโยงการค้า-ท่องเที่ยวไทย-พม่า

เปิดจุดผ่อนปรนท่าเรือหัวถนน ทต.น้ำจืด หวังเชื่อมโยงการค้า-ท่องเที่ยวไทย-พม่า

27 ม.ค. 2553

ระนอง - เทศบาลตำบลน้ำจืด อ.กระบุรี เดินหน้าโครงการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-พม่า แห่งใหม่ที่ ท่าเทียบเรือหัวถนน หวังใช้เป็นจุดเชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยวชายแดนไทย-พม่า

  นายอุกฤษฐ์ ตันติธรรมานันท์ นายกเทศมนตรีตำบลน้ำจืด ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการผลักดันให้เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-พม่าแห่งใหม่ที่บริเวณท่าเทียบเรือหัวถนน ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่าขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการระดับอำเภอเรียบร้อยแล้ว เรื่องอยู่ที่จังหวัดเพื่อที่จะพิจารณานำเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความเห็นชอบต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่อไป

 “ปัจจุบันจุดผ่านแดนไทย-พม่าถาวรมีเพียงจุดเดียวคือบริเวณท่าเรือของเทศบาลเมืองระนอง ต.ปากน้ำระนอง แต่ขณะนี้พบว่าในส่วนของทางการพม่าได้มีการตัดถนนพาดผ่านขึ้นไปทางตอนเหนือติดกับ อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งมีแม่น้ำกระบุรีเป็นแนวกั้น ซึ่งทางพม่ามองว่าเป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางข้ามฟากมายังไทยได้ง่ายกว่าเส้นทางเดิมที่ต้องนั่งเรือกว่า 30 นาที ซึ่งการเดินทางและการขนส่งสินค้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะนี้จึงติดปัญหาแต่เพียงฝั่งไทยว่าจะเปิดให้มีจุดผ่อนปรนในจุดดังกล่าวเมื่อไหร่เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางการค้า การขนส่งกับพม่า” นายกเทศมนตรีตำบลน้ำจืด กล่าว

 นายอุกฤษฐ์ กล่าวว่า หากสามารถเปิดจุดผ่อนปรนขึ้นในบริเวณนี้จะสามารถส่งเสริมการค้าขายของทั้งสองประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และยังสามารถควบคุมการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าว และยาเสพติดได้อย่างเป็นระบบ

 สำหรับบ้านหัวถนน ตั้งอยู่หมู่ 3 อยู่ในเขตเทศบาลตำบลน้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง มีพื้นที่ติดกับพม่า มีแม่น้ำกระบุรีเป็นแนวกั้นพรมแดนไหลทอดยาวไปออกทะเลทาง จ.ระนอง มีท่าเทียบเรือหัวถนนเป็นจุดที่เรือข้ามไปฝั่งประเทศพม่าและข้ามมายังฝั่งไทย การสัญจรใช้เวลาประมาณ 3 นาที ในการเดินทางข้ามฟาก ปัจจุบันมีชาวพม่าที่ผ่านข้ามพรมแดนกว่า 1,000 คน เพื่อจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคขบริโภค รวมถึงการเข้ามารับการรักษาตามสถานพยาบาล

 นายอุกฤษฐ์ กล่าวอีกว่า ศักยภาพของพื้นที่ทั้งสองประเทศสามารถที่จะเปิดจุดผ่อนปรนได้ในลักษณะเดียวกับด่านสิงขรที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งหากเปิดได้จะทำให้บรรยากาศการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-พม่าทางด้านจ.ระนอง-เกาะสองมีความคึกคักอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจ.ระนอง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ที่จะส่งเสริมการขายตามแนวชายแดนทางด้านจ.ระนอง-เกาะสอง ประเทศพม่า ซึ่งมีตัวเลขด้านการค้าขายระหว่างกันกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี