หมอยง ชี้จะให้เกิดภูมิคุ้มกันกลุ่ม ต้องฉีดเกือบ 50 ล้านคน แต่ไทยมีวัคซีนไม่พอ
"หมอยง" เผยจะสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มยุติโควิดต้องฉีดวัคซีนเกือบ 50 ล้านคน วัคซีนที่ใช้จะต้องมีร่วม 100 ล้านโดส แต่ไทยมีแค่ 63 ล้านโดส จึงยังไม่เพียงพอต้องจัดหาเพิ่ม
วันนี้ 5 มี.ค. 2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" ระบุ วัคซีนโควิด จำนวนผู้ฉีดวัคซีนเท่าไหร่จึงจะเกิดภูมิคุ้มกันกลุ่ม
ภูมิคุ้มกันกลุ่ม จะช่วยป้องกันการระบาดของโรคที่ติดต่อระหว่างคนสู่คน การจะป้องกันได้ จะขึ้นอยู่กับว่าโรคนั้น ติดต่อง่ายหรือยาก โรคติดต่อง่ายก็จะต้องการภูมิคุ้มกันกลุ่มในอัตราที่สูง โรคติดต่อยากก็จะใช้อัตราภูมิคุ้มกันกลุ่มที่ต่ำกว่า
โควิด-19 มีอัตราการติดต่อปานกลาง เมื่อคำนวณภูมิคุ้มกันกลุ่มที่ต้องการ จะพบว่าอยู่ประมาณ 60% การให้วัคซีนโควิด ประสิทธิภาพในการสร้างภูมิต้านทาน ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้าสมมติว่า วัคซีนโควิดมีการสร้างภูมิต้านทานป้องกันโรคได้ 80% จำนวนผู้ที่จะต้องฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันกลุ่ม จะมากกว่า 60% ขึ้นไปอีก จะอยู่ที่กว่า 70%
ดังนั้นการให้วัคซีนในประชากรไทย เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันกลุ่ม ซึ่งในอนาคตจะต้องรวมเด็กด้วย และชาวต่างชาติทั้งหมดที่อยู่ในประเทศไทย คิดยอดรวมประมาณ 70 ล้านคน
ภูมิต้านทานไม่ว่าจะจากการติดเชื้อ หรือการได้รับวัคซีน ที่เกิดขึ้นต้องเกือบ 50 ล้านคน ดังนั้นความต้องการในการฉีดวัคซีนทั้งประเทศ ถ้าคนละ 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ก็จะต้องใช้ ร่วม 100 ล้านโดส ถ้าขณะนี้ยังไม่นับเด็ก ก็จะต้องใช้ถึง 85 ล้านโดส
ประเทศไทยเตรียมวัคซีนไว้ประมาณ 63 ล้านโดส จึงยังไม่เพียงพอ ยังต้องมีการหาวัคซีนเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก
อ่านข่าว "หมอยง" ชี้ ประเมินผลวัคซีนโควิด-19 อย่ามองแค่ตัวเลข
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ระบุอีกว่า กลุ่มประชากรเด็กจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะต้องได้รับวัคซีน จนกว่าจะมีการศึกษาขนาด และวิธีการใช้ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และในอนาคตในปีหน้าก็ยังไม่ทราบว่า มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเพิ่มอีกหรือไม่
การให้วัคซีนในหมู่มากสำหรับประเทศไทย มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน เพื่อยุติวิกฤตการระบาดของโรคให้ได้อย่างรวดเร็ว ชีวิตความเป็นอยู่และสังคม จะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว