
เสธ.แดงโผล่สุโขทัยอัดอนุพงษ์ลืมตัวลืมเพื่อน
อนุพงษ์ไม่กลัวโดนกระทืบหลังเกษียณตามคำขู่ ยันไม่เคยเป็นเพื่อนกับเสธ.แดงชี้ผลสอบยิงทบ. โยนให้ตร. ย้ำเหตุระเบิดทหารรู้จากเว็บเสธ.แดง ปัดไม่ได้ส่งร.อ.หน้าห้องยัดลูกระเบิดตามที่ถูกอ้าง ย้ำกองทัพบกยังมั่นคงทำทุกอย่างให้ชาติสงบได้
กลายเป็นประเด็นที่ทำให้กองทัพต้องเกิดความระส่ำเกี่ยวกับเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ตึกกองบัญชาการกองทัพบก โดยหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจได้พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งเรื่องดังกล่าว เสธ.แดง ออกมายืนยันว่า ถูกบิ๊กทหารด้วยกันใส่ร้าย จากนั้นได้เตือน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกว่า หากเกษียณราชการเมื่อใดจะถูกกลุ่มคนเสื้อแดง และศัตรูตามเช็กบิลอย่างแน่นอน
"อนุพงษ์"เผยปล่อยให้ตร.จัดการ
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 มกราคม ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการดำเนินการกับ พล.ต.ขัตติยะ หลังจากที่ตำรวจไปค้นบ้านพักพบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากว่า เรื่องเดิมที่ทางกระทรวงกลาโหมได้สั่งพักราชการ ขณะนี้ศาลอาญาทหารกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ และเท่าที่ทราบจากคณะกรรมการจะต้องรอให้ พล.ต.ขัตติยะ มาให้การกับคณะกรรมการ อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าตัวยังไม่มาให้การภายในปลายเดือนนี้ หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถสรุปเรื่องนี้ส่งให้กระทรวงกลาโหมได้ ส่วนเรื่องคดีอาญาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อถามว่า พล.ต.ขัตติยะ อ้างว่า มีนายทหารยศร้อยเอก ซึ่งเป็นทหารหน้าห้องของพล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนยัดลูกระเบิดระหว่างการค้นบ้านของพล.ต.ขัตติยะ นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพิ่งทราบจากสื่อมวลชน ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ไป แต่เป็นเจ้าหน้าที่ของสารวัตรทหาร และตำรวจไปทำ ทหารไม่เห็นเหตุผลจะต้องไปทำแบบนั้น ไม่น่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนที่ถามว่าเหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 เข้าไปยังสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก ทำไมถึงพุ่งเป้าไปที่ พล.ต.ขัตติยะนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เพราะการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้ให้เจ้ากรมข่าวทหารบกไปเรียนชี้แจงแล้วว่า หน้าที่ของการรักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการกองทัพบกเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องให้สื่อมวลชนช่วยสื่อให้สังคมเข้าใจ กองทัพไม่ใช่องค์กรของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นหน่วยราชการตามกฎหมาย ทหารมีหน้าที่ดูแลพื้นที่ไม่ให้ใครเข้ามาเอาเอกสาร ไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาได้ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก สิ่งนี้คือหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของทหาร ส่วนหน้าที่เกิดจากการกระทำข้างนอกเป็นหน้าที่ของตำรวจตามปกติ
ปัดตอบเรื่องกลุ่มผู้ก่อเหตุ
เมื่อถามว่า เวลานี้มูลเหตุที่ตึกกองบัญชาการกองทัพบกถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 79 คืออะไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลย แต่รู้อย่างเดียวว่า บ้านเมืองจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ว่าใครจะยิงใคร หรือยิงในเมืองหลวงไม่ได้ทั้งนั้น และใครจะประเมินว่า จะให้ออกจากปากโดยที่ประเมินเอาเองคงไม่ถูก เอาเป็นว่าให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนได้หรือไม่ได้อย่างไร ส่วนที่ถามว่า ตอนนี้ในใจคิดว่ามีกี่กลุ่มที่สามารถก่อเหตุได้ในลักษณะแบบนี้ เรื่องนี้ขอตอบว่า คิดในใจไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะตอบอย่างไร หากคิดในใจก็ตอบในใจ
"ส่วนที่ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของผู้บัญชาการทหารบกนั้น เรื่องนี้อยากเรียนว่า องค์กรกองทัพบกไม่ได้เป็นภาพอย่างที่ท่านถามผม เพราะไม่ใช่องค์กรของผม แต่เป็นสถาบันหลักของประเทศชาติบ้านเมือง ใครมาอยู่ตรงนี้ก็จะต้องทำไปตามกฎตามระเบียบที่มี ผมเรียนไปแล้วว่าจุดยืนของเราไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การที่จะทำเช่นนั้น ผมไม่เห็นเกิดประโยชน์กับสังคม ผมไม่ทราบว่าเจตนาเพื่ออะไร หรือกลุ่มใดก็น่าจะเป็นผลทางด้านลบมากกว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนเป็นคนทำก็ไม่น่าจะดีทั้งนั้น แต่ทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน” ผบ.ทบ. กล่าว
ย้ำไม่กลัวใครกระทืบหลังเกษียณ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพล.ต.ขัตติยะ จะพูดกันอย่างไรเพื่อหาทางออก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทั้งกองทัพบกก็มีผู้บังคับบัญชารองลงไป ส่วนท่านผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ขัตติยะ ก็มีสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) ก็คุยกันตลอดเวลา นอกจากนั้นกระแสของเพื่อนในรุ่นก็มีการไปพูดคุยอย่างที่ทราบแล้ว เรื่องนี้ไม่อยากจะถาม หรือจะตอบว่า จะต้องคุยหรือไม่ต้องคุย เพราะมีกลไกทำกันอยู่
ผบ.ทบ.ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวกรณีกลัวหรือไม่ที่จะถูกลอบทำร้ายว่า ไม่เคยกลัวเลย ไม่รู้จะกลัวทำไม ส่วนที่ถามว่า พล.ต.ขัตติยะ ขู่ว่าหลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจจะเจอกลุ่มคนเสื้อแดงรุมกระทืบนั้น "ไม่เป็นไร ผมมีค่าเหมือนกับสื่อ เหมือนกับประชาชนคนหนึ่ง จะไม่ตั้งตัวเป็นมาเฟียสร้างกำลัง กองกำลังของตัวเองไม่มี เกษียณไปก็เหมือนประชาชนคนหนึ่ง ประเทศชาติก็จะต้องดูแลผม ถ้าจะทำอะไรแบบที่ว่า บ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดนั้น สื่อมวลชนพูดกับคนได้มากกว่าผม”
ยันเหตุระเบิดรู้จากเว็บเสธ.แดง
ส่วนที่ถามว่าจากนี้ไปความสัมพันธ์ส่วนตัวของ ผบ.ทบ. กับ พล.ต.ขัตติยะ จะเป็นอย่างไรนั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะได้เรียนสื่อไปหลายครั้งแล้ว ในชีวิตไม่เคยเรียนร่วมกับพล.ต.ขัตติยะ และไม่เคยได้เป็นเพื่อนวิ่งเล่นอะไรกัน ไม่เคยไปเรียนกวดวิชากับพล.ต.ขัตติยะ และไม่ทราบว่า พล.ต.ขัตติยะ ไปรู้จักกับใครที่ไหนมา ยืนยันว่า ไม่เคยเป็นอะไรที่พิเศษ แต่ปกติก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนกับกำลังพลคนหนึ่ง เมื่อทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย หากถามว่าโกรธแค้นส่วนตัวหรือไม่นั้น ไม่มี
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพปิดข่าวเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในกองบัญชาการกองทัพบกว่า ไม่มี สื่อพูดเอาเอง ไม่มีใครรู้เรื่อง ความจริงเจ้าหน้าที่ไปเห็นตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่คิดว่า เป็นการถูกยิงระเบิดเข้ามา แต่ไปรู้อีกทีเพราะดูจากเว็บไซต์เสธ.แดงดอทคอม เจ้าหน้าที่จึงไปทบทวน ทำให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ไม่ได้มีอะไรอย่างที่สื่อนึก
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับคนเสื้อแดงออกมาระบุว่าจะมีการปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พูดมาจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว เพราะพูดมาหลายสิบหนแล้ว
เสธ.แดงท้าลุย-จะไปมอบตัวตีสาม
ส่วนความเคลื่อนไหวของพล.ต.ขัตติยะนั้น วันเดียวกัน พล.ต.ขัตติยะเดินทางออกจากบ้านพักภายใน ม.พัน.4 ร.อ. เพื่อเดินทางไปยัง จ.พิษณุโลก โดยก่อนออกเดินทาง พล.ต.ขัตติยะ ออกมาให้สัมภาษณ์บริเวณนอกกองพัน เนื่องจากมีคำสั่งของผู้บังคับบัญชาห้ามไว้ว่า ได้รับหมายเรียกพนักงานสอบสวนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยังมีเวลาอีกหลายวัน ส่วนคดีนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วเชื่อว่า จะไม่แพ้เพราะเจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านโดยมิชอบ หมายค้นไม่มี เจ้าของบ้านก็ไม่อยู่ อีกทั้งยังจับพลทหารใส่กุญแจมือ ซึ่งผิดข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"จะไปมอบตัวแน่นอน โดยจะเดินทางไปประมาณตี 3-4 เพราะเป็นยุทธศาสตร์ ถอยร่นแล้วค่อยรุกต่อ และมั่นใจว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมไม่ออกหมายจับเพราะผมไม่เคยคิดหนี หากจะรวบตัวสามารถทำได้ เพราะเดินทางไปที่ใดจะบอกจุดหมด อย่างเช่นวันที่ 25 มกราคมจะเดินทางไปพบคนเสื้อแดงที่ จ.สุโขทัย"
ยันตอบโต้กองทัพไม่เกี่ยวแม้ว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพักราชการทำให้มีเวลาว่าง จึงออกเดินสายบรรยายให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตย และประวัติศาสตร์การทหาร ส่วนเรื่องเอ็ม 79 นั้นจะยิงกันเอง หรือใครยิงไม่ทราบ เพราะผบ.ทบ. มีคนจองกฐินหลายคน ทำให้กองทัพเสียเกียรติภูมิ จึงขอให้ พล.อ.อนุพงษ์ ออกคำสั่ง ให้กลับเข้ารับราชการภายในหนึ่งเดือน เพราะอีก 7 เดือนเมื่อเกษียณราชการไปแล้วจะมีคนตามกระทืบ ตั้งแต่หน้าบ้านไปยันหน้าปากซอย
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การเคลื่อนไหวตอบโต้กองทัพนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ส่วนการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ระบุว่า 19-26 กุมภาพันธ์อาจเกิดความรุนแรงนั้น ไม่รู้ และยืนยันหากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะทิศทางการชุมนุมขึ้นอยู่กับ 3 แกนนำ นปช. เสธ.แดงทำได้เพียงอารักขาความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ เสธ.แดงให้สัมภาษณ์อยู่นั้นได้มีนายทหารระดับร้อยโทถึงพันโท จำนวน 4-5 นาย มายืนคุมเชิง นอกจากนี้ยังมีสารวัตรทหารอีกจำนวนหนึ่งทำทีจะเข้ามาควบคุมตัว พล.ต.ขัตติยะ แต่ พล.ต.ขัตติยะ เห็นเข้าพอดีจึงตะโกนถามด้วยอย่างดุดันว่า “มากันทำไม มาจับใคร ไอ้พวกทหารไม่เคยรบ” ทำให้นายทหารที่ยืนอยู่ไล่ ส.ห.ที่จะเข้ามาประชิดตัว พล.ต.ขัตติยะกลับเข้ากองพันไปก่อน
เสธแดงโผล่สุโขทัยพบแดงยันไม่คิดหนี
เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่สนามบินสุโขทัย พล.ต.ขัตติยะเดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์เที่ยวบินที่ พีจี 213 โดยมีนายประดิษฐ์ สุนันต๊ะ แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดสุโขทัย พร้อมสมาชิก รวม 50 คน มารอต้อนรับ โดยให้สัมภาษณ์ สั้น ๆ ว่า ตนเองมายังจังหวัดสุโขทัยในครั้งนี้เพื่อมาชี้แจงพบปะพูดคุยกับสมาชิกเสื้อแดงในพื้นที่ โดยมีกำหนดการจะพบปะสมาชิกเสื้อแดงในค่ำวันนี้ และในส่วนของการรายงานตัวตามหมายเรียกนั้น กำหนดให้รายงานตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ เพราะฉะนั้นเป็นความกรุณาของศาลยุติธรรม ที่ทำให้ตนยังได้เดินทางพบปะพลพรรคเสื้อแดงได้ ที่
ทั้งนี้ในช่วงค่ำวันนี้ พล.ต.ขัตติยะ มีกำหนดพบปะแกนนำและสมาชิกเสื้อแดง ที่วัดบ้านป่ากล้วย ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยมีแกนนำและสมาชิกเสื้อแดงจากจังหวัดสุโขทัย , พิษณุโลก ,กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์ เดินทางเข้าร่วมงาน
ม.พัน4 ยันไม้ได้ส่งสห.ล็อคตัว"เสธ.แดง”
พ.ท.ชินสรณ์ เรืองศุข ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ( ผบ.ม.พัน 4 รอ.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่า มีสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.)ไปควบคุมตัวพล.ต.ขัตติยะ ภายในบ้านพักม.พัน 4 รอ.ว่า ยืนยันว่า ไม่มีสารวัตรทหารบก (สห.ทบ. )ไปล็อคตัวหรือจับตัวพล.ต.ขัตติยะ ตามที่เป็นข่าว เพราะไม่มีหมายจับ และเราไม่มีอำนาจไปจับพล.ต.ขัตติยะได้ เรื่อง คือ ตนเห็นมีนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์พล.ต.ขัตติยะ ตนจึงเข้ามาดูความเรียบร้อยเท่านั้น ยืนยันว่า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไล่ตะเพิด สห. ประมาณ 20 นายที่ถูกส่งมาฝังตัวใน ม.พัน. 4 รอ. เพราะพวกนี้ทำทีจะมาบอกให้ตนไม่ให้สัมภาษณ์บริเวณด้านหน้าค่ายทหาร ซึ่งตนจึงได้ขยับไปสัมภาษณ์ด้านหน้ากรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) จากนั้นมีสห.เดินตามตนมา ตนจึงก็ไล่ สห.ที่ตามมา จึงทำให้สห.พากันวิ่งหนีกระเจิงเข้าไปใน ม.พัน 4 รอ.
“ผมบอกผู้พันม.พัน 4 รอ. ที่เขาสังเกตการณ์ว่า เป็นทหารต้องรู้จักทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ทำแต่สนองการเมือง แต่เขาก็ทำตามหน้าที่รู้ดีว่าเขาเป็นเด็กพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม น้องเขาก็ไม่ได้มาทำอะไร ไม่ได้มารวบตัว มาดูเท่านั้น ส่วน สห. ก็ทำไปตามหน้าที่ เขาไม่รู้เรื่อง วัน ๆ มีหน้าที่รับแขก แจกของ ร้องเพลง มาดูความเรียบร้อยเท่านั้นไม่ได้มาล็อคตัวแต่อย่างใด ” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธว่า ไม่เคยเป็นเพื่อนนั้น เป็นเรื่องปกติเพราะเป็นคนลืมตัว จำเพื่อนไม่ได้ เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนกวดวิชาอโณชายืนยันได้ว่า ตนและ พล.อ.อนุพงษ์ เรียนรุ่นเดียวกันหรือไม่ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ สอบติดโรงเรียนเตรียมทหารก่อนตนหนึ่งรุ่น นอกจากนั้น ในช่วงรับราชการ ดำรงตำแหน่ง ผู้พัน ม.พัน 30 รอ. ขึ้นตรงกับ พล.ร. 2 รอ. ก็เคยเจอ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เป็นผู้บังคับกองพัน ยังคุยกู มึงกันเพราะเป็นเพื่อนกัน
“ถึงวันนี้ทำเป็นจำไม่ได้ เป็นธรรมดาของพวกที่ลืมตัว และไม่เคยรู้จักชีวิต จิตใจและความรู้สึกทหารแท้ ๆ ไม่รู้ว่าทหารที่ไปรบมานั้น การมีปืน หรือ ระเบิด เป็นของที่ระลึกอยู่บ้าง เป็นเรื่องที่คนเป็นทหารก็รู้กันอยู่ มีแต่ทหารที่มีอำนาจบางคนเท่านั้นที่ไม่มีของพวกนี้ มีแต่ของสะสม เป็น วาสลีน และ เครื่องดนตรี เพราะชอบแต่ตีกลอง เล่นดนตรี รบก็ไม่ไหว แถมตอนฝึกคนที่อยู่ ในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) เขาจำกันได้ ใครที่โดนด่า เพราะหนีการฝึก ส่วนหมายเรียก ผมจะไปตามหมายเรียกของตำรวจในอีก 7 วันข้างหน้าและถ้าไม่พบว่าผมเกี่ยวโยงกับการยิงกองทัพบกจะมีการฟ้องร้องคนที่มีคำสั่งให้ไปค้นบ้านตนเอง”พล.ต.ขัตติยะกล่าว
เสื้อแดงฮือไล่ พล.ต.ท.สมคิด
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ชุมนุมกันที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี เพื่อตอบโต้การใช้กฎหมายสองมาตรฐานของรัฐบาลกรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเขาสอยดาว ล่าสุดกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มรักเชียงใหม่ได้มารวมตัวเพื่อประท้วงขับไล่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ที่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ถนนมหิดล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กรณีรัฐบาลเพิกเฉยไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการหลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย พระญาติของกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย
เมื่อเวลา 10.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 กว่า 100 คน นำโดยนางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม นายอภิชาติ สอนดี หรือดีเจอ้วน และนายภูมิใจ ไชยา หรือดีเจต้อม รวมตัวประท้วงด้วยการนำรถหกล้อบรรทุกโลงศพออกเดินทางจากโรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ หลังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แห่ไปตามถนน มุ่งหน้าไปชุมนุมปักหลักตั้งเต็นท์ประท้วงขับไล่ พล.ต.ท.สมคิด ที่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ถนนมหิดล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย
นำโลงศพติดรูปประท้วง
ทั้งนี้ทันทีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปถึงพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นายพร้อมโล่กำบังยืนตั้งแถวใช้กำแพงลวดหนามตรึงกำลังปิดกั้นทางเข้าออกประตูด้านหน้าและทุกด้านเอาไว้ โดยฝ่ายแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้พาผู้ชุมนุมรวมตัวเผชิญหน้ากับตำรวจ จากนั้นนำโลงศพไปตั้งไว้บนแผงลวดหนามโดยนำภาพถ่าย พล.ต.ท.สมคิด ไปแปะวางไว้ที่หน้าโลง พร้อมกับแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความไว้ว่า "สมคิดออกไป" "หยุดปฏิบัติหน้าที่ซะสมคิด"
จากนั้นดีเจอ้อมได้สลับกับแกนนำคนอื่นๆ ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัยโจมตี พล.ต.ท.สมคิดว่า ถูกอัยการสั่งฟ้องตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิดฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีเพชรซาอุตาย ดังนั้นควรต้องหยุดปฏิบัติราชการและย้ายตัวออกไปจากการเป็น ผบช.ภ.5 และเชิญชวนชาวเชียงใหม่ร่วมประกอบพิธีเผาโลงศพที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในเวลา 15.00 น. จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันโห่ร้องตะโกนขับไล่อย่างต่อเนื่อง
ระหว่างการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงยังได้นำเทปบันทึกเสียงพล.ต.ท.สมคิด ที่เคยกล่าวต่อหน้ากลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ว่า "หากทำไม่ดีจะออกจากพื้นที่ไปทันทีโดยไม่ต้องให้ใครมาขับไล่" มาเปิดสลับเป็นระยะ และมีการจุดบั้งไฟท้องตัน ซึ่งใช้สำหรับพิธีเผาศพของทางภาคเหนือมาจุดขึ้นฟ้า สลับกับการกล่าวโจมตีรัฐบาลว่าดำเนินการแบบสองมาตรฐานคือ สั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ แม้จะยังไม่ถูกออกหมายจับ แต่กรณี พล.ต.ท.สมคิด แม้อัยการจะสั่งฟ้องคดีแต่กลับยังไม่ถูกพักราชการ
ปะทะตำรวจปาหมามุ่ยใส่จนท.
ทั้งนี้บรรยากาศการชุมนุมเริ่มตึงเครียดมากขึ้น โดยกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามฝ่าแผงกั้นบุกเข้าไปภายใน ทำให้เกิดการปะทะกัน ระหว่างนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้สาดหมามุ่ยผสมน้ำเข้าใส่ตำรวจชุดปราบจลาจล อีกทั้งยังปาก้อนหิน และประทัดยักษ์เข้าใส่เจ้าหน้าที่ด้วย ทำให้เกิดความชุลมุนประมาณ 20 นาที ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้โดยจับกุมสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงได้ 3 คน คือ สามเณรอนุวัน เขมะชะ จากวัดเวียงด้ง อ.หางดง นายกองแก้ว วังทุน อายุ 49 ปี ชาวบ้านสบเปิง อ.แม่แตง และนายเทพ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี พร้อมทั้งยึดรถ และรื้อเต็นท์ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตั้งขวางทางเข้า-ออกสำนักงานกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ชุมนุมถูกโล่ 3-4 คนเป็นรอยแผล บางรายมีเลือดออกที่ขาและหัวโน ฝ่ายตำรวจก็มีแผลเป็นรอยไหม้ที่ขาจากการถูกประทัดยักษ์กางเกงขาด รวมทั้งคันจากการถูกหมามุ่ยปาไปหลายราย
ระหว่างนั้นกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ระบุว่า มีสามเณรถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนายเพชรวรรต ได้เป็นตัวแทนเข้าเจรจา ก่อนออกมาชี้แจงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมปลอดภัยดีไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ โดยตำรวจมีเงื่อนไขว่า จะไม่มีการประชุมพิจารณาโยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่ และจะส่งตัวผู้ที่ถูกจับออกมา ส่วนการยุติบทบาทของ พล.ต.ท.สมคิด จะยุติต่อเมื่อมีคำสั่งจากส่วนกลางเท่านั้น แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่ยอมทำตาม พร้อมระบุว่า พล.ต.ท.สมคิด ต้องยุติบทบาทภายในวันนี้ รวมถึงต้องคืนรถที่ถูกยึด และปล่อยคนที่ถูกจับกุม ไม่เช่นนั้นจะแจ้งความข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาลักทรัพย์ และจะปักหลักประท้วงต่อไปที่หน้าสำนักงานดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าระหว่างการชุมนุมในวันนี้ พล.ต.ท.สมคิดยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงาน โดยมีกำหนดเป็นประธานการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจภูธรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนในเวลา 10.00 น. แต่เมื่อเสื้อแดงมาชุมนุมจึงได้เลื่อนการจัดประชุมออกไปเป็นเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน โดยแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศปักหลักชุมนุมจนถึงเที่ยงคืนจนกว่า ผบช.ภ.5 จะย้ายออกไป
เสื้อแดงแจ้งจับตำรวจใช้ความรุนแรงกับสามเณร
หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมจากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ปะทะกับตำรวจปราบจราจล ขณะพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจบริเวณกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาผงหมามุ่ยผสมน้ำ ก้อนหินและประทัดยักษ์ จนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย กระทั่งในช่วงเย็นตำรวจยอมปล่อยตัว สามเณรอนุวัน เขมะชะ , นายกองแก้ว วังทุน อายุ 49 ปี และ นายเทพ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี ซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้
ช่วงเย็นวันเดียวกัน หลังถูกปล่อยตัว นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้พาสามเณรอนุวัน เขมะชะ , นายกองแก้ว วังทุน อายุ 49 ปี และ นายเทพ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่ใช้ความรุนแรงกับสามเณร โดยอ้างว่ามีหลักฐานภาพถ่ายขณะตำรวจทำร้ายสามเณรและผู้ชุมนุม
ล่าสุดเวลา 20.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักขับไล่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 โดยแกนนำได้ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีกล่าวโจมตี ผบช.ภาค 5 อย่างดุเดือด ขณะที่นายประแสง มงคลสิริ แกนนำ นปช. ได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาล โดยท้าทายให้มีการปฏิวัติ พร้อมระบุว่ากระแสข่าวการปฏิวัติในกรุงเทพฯ กำลังแรง และหากมีการปฏิวัติกำลังของคนเสื้อแดงก็พร้อมที่ยึดเชียงใหม่เป็นมหานคร และขอขอบคุณผู้ที่จะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นไปพร้อมกัน
รายงานแจ้งว่า การชุมนุมดังกล่าวได้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ โดยปลุกระดมมวลชนให้ร่วมชุมนุม โดยตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มมีคนเสื้อแดงจากอำเภอรอบนอกทยอยเข้าร่วม ขณะที่กำลังตำรวจชุดปราบจราจลกว่า 3 กองร้อย ประมาณ 300 นาย ยังคงตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาสถานที่ราชการอย่างเข้มงวด โดยบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายหลังจากที่ตึงเครียดในช่วงบ่าย