สุดแสบ 2 พ่อลูกกุเรื่องคืนทรัพย์ ตุ๋นอดีตตำรวจ สูญเงินกว่า 6 ล้าน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ 'ทนายเดชา' ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว 2 พ่อลูก คือนายรังสรรค์ เจียรละม่อม เสี่ยอ็อด อายุ 59 ปี พร้อมบุตรชาย นายสุวิทย์ อายุ 30 ปี ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

สืบเนื่องจาก บุคคลทั้ง 2 ที่ปัจจุบันประกอบอาชีพช่างทำเฟอร์นิเจอร์ ในพื้นที่จ.อุทัย และกลุ่มเพื่อนรวม 6 คน ได้ก่อเหตุหลอกลวงเอาเงินจากอดีตตำรวจ โดยสร้างเรื่องว่าได้รับเงินสดจำนวน 293 ล้านบาท และทองคำแท่งหนัก 5 กิโลกรัมมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถูกดำเนินคดีและถูกอายัดไว้เป็นของกลาง เนื่องจากนำเงินเข้ามาในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก่อนศาลอาญาจะมีคำพิพากษายกฟ้อง กำลังจะได้รับเงินเหล่านี้คืน แต่ติดตรงที่ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

2 พ่อลูก จึงขอความช่วยเหลือด้านการเงิน โดยเสนอว่าหากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดจะแบ่งทรัพย์สินประมาณ 10% ของเงินสดที่ถูกอายัด ทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม พร้อมแสดงเอกสารเป็นหมายศาลที่ร่วมกันทำปลอมขึ้นมาแสดงให้ผู้เสียหายดู ในหมายศาลดังกล่าวมีการระบุชื่อ 'ทนายเดชา' เป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการขอคืนทรัพย์สิน จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้เงินแก่ผู้ต้องหาทั้งเงินสด และโอนเข้าบัญชี

พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่า แม้ภายหลังกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังคงวางแผนสร้างเรื่องเพิ่มเติม โดยอ้างว่า ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ มีความคืบหน้า แต่มีอุปสรรคติดขัดบางอย่าง เช่น ค่ารถตู้ขนทองคำจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เป็นเงิน 200,000 บาท, ค่าดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฯ, ค่าธรรมเนียม ปปง. และ สรรพากร อีกหลายรายการ กลุ่มผู้เสียหายจึงต้องยอมจ่ายเงินให้ตามที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนร้องขอ โดยมีตั้งแต่ครั้งละหลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท  ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 รวมจำนวนกว่า 300 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท

กระทั่งปลายปี 2563 ผู้เสียหายเริ่มเอะใจ หลังดำเนินการผ่านมา เสียเงินเป็นจำนวนมากแล้วแต่ก็ยังไม่เสร็จสิ้น จึงนำหมายศาลที่ผู้ต้องหานำมาแอบอ้างไปตรวจสอบ จึงพบถูกหลอก ก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความกับทาง กก.4 บก.ป. จนมีการออกหมายจับ และนำไปสู่การจับกุมตัว พร้อมเตรียมดำเนินคดีในข้อหา

“ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้ซึ่งดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมือง ขององค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 พ่อลูก ให้การรับสารภาพ โดยนายรังสรรค์ หรือ เสี่ยอ็อด ผู้เป็นพ่อนั้นมีอาชีพขับรถสิบล้อ ส่วนนายสุวิทย์ บุตรชาย นั้นหลังจากเรียนจบปริญญาตรี ก็ได้มาประกอบอาชีพขายชิ้นส่วนอะไหล่รถออนไลน์ แต่เนื่องจากทั้งคู่ติดเล่นพนันฟุตบอล จึงนำเอกสารหมายศาลปลอมที่จ้างเพื่อนทำขึ้น มากุเรื่องก่อเหตุหลอกลวงเงินดังกล่าว

ด้าน ทนายเดชา กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ให้ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เพราะเอกสารหมายศาลที่ทำปลอมขึ้นมาค่อนข้างเหมือนจริง ทั้งโลโก้ศาลยุติธรรม รวมถึงมีการระบุชื่อของอัยการสูงสุด ชื่อของตนเอง ซึ่งเป็นทนายความ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ แม้กระทั่งผู้เสียหายเองที่เป็นอดีตตำรวจยังต้องหลงเชื่อ

ทั้งนี้ อยากฝากเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเพื่อขอยืมเงิน หรือให้ร่วมลงทุนต่างๆ เช่น การดำเนินการในการขอรับทรัพย์สินที่ถูกจับกุม หรือถูกอายัด จากหน่วยงานของรัฐ  แม้จะมีการเสนอผลตอบแทนที่สูงก็ตาม หากพบเห็นหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารของทางราชการ สามารถสอบถามไปยังหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงได้โดยตรง