ข่าว

"นายกฯ" ยัน ซื้อ "เรือดำน้ำ" คุ้มค่า ชี้เป็นเรื่องความมั่นคง ต้องเตรียมความพร้อม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นายกฯ" แจงประเด็น "เรือดำน้ำ" ชี้เป็นเรื่องความมั่นคง ต้องเตรียมความพร้อม วอนขอทุกคนภูมิใจความเป็นชาติ ส่วนกรณีเหมืองทองอัครา ยัน ม.44 ไม่ใช่คำสั่งปิดเหมือง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.พ. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ได้ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเมื่อวานนี้ว่า ต้องแยกแยะให้ออก สถานการณ์โควิด สถานการณ์ความมั่นคง สถานการณ์ของโลก เพราะการบริหารมีหลายมิติ ยืนยันว่าการมีเรือดำน้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงทางทะเลของไทยมากขึ้น เช่น ประเด็นการค้ามนุษย์ ยืนยันว่าแม้ประเทศสงบ แต่ก็ต้องเตรียมพร้อม เพราะความไม่สงบสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เป็นการจ่ายเงินแบบทยอยจ่าย และเรือจำเป็นต้องใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี มีกระบวนการเรียนรู้โครงสร้าง ทั้งหมดก็ทำเพื่อที่จะปกป้องประชาชนทุกคนที่ตอนนี้ยังอยู่สงบ พร้อมขอให้ทุกคนภูมิใจในความเป็นชาติ และขอว่าอย่าทำลายกันในส่วนนี้ 
 

นายกฯยังชี้แจงว่า หากไทยไม่ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ก็ไม่ต้องเสียค่าปรับให้กับประเทศจีน แต่การทำแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของไทย เพราะในการทำข้อตกลงซื้อขาย ไทยได้ทำข้อตกลงแบบจีทูจี ซึ่งมีพันธะข้อตกลงและเจรจาว่าจะซื้อ 3 ลำมาโดยตลอด ทำให้ได้ราคาที่ถูกลง มีการให้อาวุธยุทโธปกรณ์ครบถ้วน ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือว่ามีความคุ้มค่า โดยผลประโยชน์ทางทะเลที่เราจะได้ คิดเป็น 24 ล้านล้านบาท หากเทียบกับเงินที่ลงทุนไปแล้วมันแค่ 0.093 เท่านั้น ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและความมั่นคง

ส่วนประเด็นที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าจะซื้อเรือดำน้ำทำไม ที่บอกว่าจะซื้อมาทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าจะคิดแบบนี้ไม่ได้ และหากคิดแบบนี้จะอยู่อย่างไรในวันข้างหน้า เพราะอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ยามศึกเรารบ ยามสงบเราต้องเตรียมพร้อม นี่ถือเป็นหลักการสำคัญ เพราะตอนนี้ทั่วโลกมีการพัฒนาเรื่องอาวุธหนักไปอย่างมากแล้ว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทหาร ประชาชนทั่วไป กำลังมีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมเป็นจำนวนมาก เช่น เหตุทะเลาะวิทวาท เหตุยิงกัน หากทุกฝ่ายยุแหย่กันจนทุกคนชินกับใช้ความรุนแรง ต่อต้านกฎหมาย ทุกคนจะมีความสุขไหม พร้อมขอให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะท่านบอกให้เคารพรัฐธรรมูญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญต้องไม่กระทบสิทธิคนอื่นด้วย ซึ่งตอนนี้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และการชุมนุมสามารถทำได้แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น พร้อมเตือนว่าอย่าใช้ความรุนแรง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่ามาปฎิเสธว่าไม่มีความรุนแรง ใครทำผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเห็นว่าเป็นคนไทย ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คิดว่าไม่ว่าจะดำเนินการอะไร นี่คือคนไทย แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดเหมือนผมไหม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงประเด็นเหมืองทองคำอัครา ว่า กรณีบริษัทคิงส์เกตฟ้องร้องรัฐบาลไทย เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งรัฐบาลไทยก็ต่อสู้คดีตามกติกาสากลซึ่งไทยเป็นสมาชิกอยู่ เรื่องนี้สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นใช้ ม.44 ออกคำสั่งชะลอการต่ออายุสัมปทานอาชญาบัตรเหมืองแร่ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการแก้ไขผลกระทบชาวบ้านก่อน ยืนยันการใช้ ม.44 ไม่ใช่คำสั่งปิดเหมือง

ส่วนกระบวนการต่อสู้คดี เมื่อคิงส์เกตยื่นฟ้องรัฐบาลไทยจึงต้องแต่งตั้งทนายขึ้นมาต่อสู้คดี จนกระทั่งคดีเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ทั้งนี้กังวลว่าการที่ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้มาอภิปรายในสภา และให้ข่าวกับสื่อมวลชน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง อาจเข้าข่ายเป็นการชี้นำ และกระทบต่อกระบวนการต่อสู้คดี ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ

พล.อ.ประยุทธ์ วอนฝ่ายค้านเห็นใจกันบ้าง รัฐบาลมีภาระหลายอย่าง ทั้งแบกหนี้โครงการจำนำข้าวที่ต้องกู้เงิน 7แสนล้านมาใช้หนี้ ซึ่งขณะนี้ใช้หนี้ไปแล้ว 5 แสนล้าน เหลือหนี้อยู่ 2 แสนล้านไม่รวมดอกเบี้ย และยังต้องตั้งงบประมาณขึ้นมาใช้หนี้แบบไม่ได้อะไรเลยอีก 12 ปี ซึ่งตนก็เสียดายงบประมาณส่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่การเคหะฯ ต้องแบกรับภาระหนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ไม่รวมหนี้เน่า ซึ่งรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ