ข่าว

ไทยพร้อมเอาแอนิเมชั่นโกยเงินหยวนหรือยัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไทยพร้อมเอาแอนิเมชั่นโกยเงินหยวนหรือยัง โดย – ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

หลังจากที่เราคุยกันต่อเนื่องหลายตอนทั้งในด้านแอนิเมชั่น ทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานแล้ว โดยสรุปก็คือ จีนในวันนี้เป็นตลาดและฐานการผลิตแอนิเมชั่นที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก และมีแนวโน้มจะขยับสถานะขึ้นสู่เบอร์หนึ่งของระดับโลกในอนาคตอันใกล้ ก็เกิดคำถามตามมาว่า ไทยเราจะเอาประโยชน์จากตลาดแอนิเมชั่นจีนได้บ้างหรือไม่ อย่างไร ...
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า จีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ และมีสภาพปัจจัยแวดล้อมในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน อาทิ สภาพภูมิอากาศ และวิวทิวทัศน์ ซึ่งส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวจีนมีความหลากหลายอย่างเหลือเชื่อ
ขณะเดียวกัน ความลุ่มลึกและหลากหลายของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของจีนที่สั่งสมมาเป็นเวลากว่า 5,000 ปีก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาเรียนรู้และนำเอามาใช้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เพื่อจะได้นำเสนอผลงานได้โดนใจชาวจีนอย่างแท้จริง 
อาทิ การฝังเข็ม การอ่านลายมือ การดูโหงวเฮ้ง การปรุงอาหารและเครื่องดื่ม เกมส์ การละเล่น และศิลปะการป้องกันตัว ตลอดจนนวัตกรรมต่างๆ แต่ครั้งโบราณกาลที่ถูกต่อยอดและใช้กันจนทุกวันนี้ 

         ไทยพร้อมเอาแอนิเมชั่นโกยเงินหยวนหรือยัง

                 ดร. ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

ในประการแรก ความเข้าใจในวัฒนธรรมยังมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการไทยผลิตคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพดีและโดนใจชาวจีนยิ่งขึ้น 
ในการจัดทำแอนิเมชั่นเพื่อตลาดจีนหรือแม้กระทั่งการส่งออกสู่ตลาดโลกในอนาคตนั้น ผู้ประกอบการไทยอาจมีข้อจำกัดในการสรรหาและนำเอาเรื่องราวดี ๆ ของจีนมาจัดทำได้ 
แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการสร้างเรื่องราวใหม่และนำเอาปรัชญา ข้อคิด สุภาษิต คำพังเพย ภูมิปัญญา ท้องถิ่น วิถีชีวิต ภาพวาดและลายเส้น และขนบธรรมเนียมประเพณีที่ทรงคุณค่า รวมทั้งวิวทิวทัศน์ที่งดงามและหลากหลายของจีน มาสอดแทรกในแต่ละช่วงของเนื้อหาแอนิเมชั่นได้ 
สิ่งเหล่านี้เมื่อนำเอามาผสมผสานกับเทคนิคการเล่าเรื่อง ความประณีตพิถีพิถัน และคุณภาพของงานฝีมือการสร้างที่เป็นจุดเด่นของสตูดิโอไทยด้วยแล้ว ผมก็เชื่อมั่นว่าจะช่วยทวีกำลังให้แก่แอนิเมชั่นไทยในตลาดจีนได้อีกมาก
แอนิเมชั่นชื่อดังอย่างกังฟู แพนด้า นับเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจที่สะท้อนว่าทีมงานผลิตเข้าถึงและสอดแทรกวัฒนธรรมจีนเอาไว้อย่างลงตัว จนทำเงินมากมายมหาศาล และคนจีนเฝ้ารอคอยชมภาคต่อไปอยู่ทุกขณะจิต
แน่นอนว่า ชิ้นงานที่ถูกนำเสนออย่างกลมกลืนในด้านวัฒนธรรมและเปี่ยมคุณภาพจากความสามารถของบุคลากรไทยจะกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชมชาวจีนรู้สึกว่าผลงานแอนิเมชั่นจากกิจการของไทยโดนใจผู้ชมชาวจีนอย่างแท้จริง
ในอีกประการหนึ่ง การตระหนักในวัฒนธรรมจีนยังจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจวิธีคิดและรู้ทันฝ่ายจีนมากขึ้น รวมทั้งอาจเป็นเส้นทางลัดและใช้เวลาน้อยลงในการเข้าถึงผู้แทนภาครัฐและคบหาดูใจกับหุ้นส่วนธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเจาะและขยายโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในตลาดจีน 
ด้วยวัฒนธรรมย่อยที่มากมายและแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของจีน ซึ่งหากต้องการเรียนรู้ทั้งหมด ก็คงต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนในการเรียนรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจในตลาดจีนจึงต้องเปิดกว้างและสนใจเรียนรู้ในวัฒนธรรมจีนจากวันนี้ไปอย่างไม่หยุดหย่อน
การมีสายสัมพันธ์ที่ดีเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยแห่งความสำเร็จในตลาดจีน จนหลายคนอาจเคยได้ยินว่า หากต้องการจะเรียนรู้นิสัยและสนิทสนมกับคนจีน ท่านต้องดื่มกิน หรือแม้กระทั่งเมากับคนจีนเสียก่อน 
อันที่จริง ท่านอย่าหลงไปคิดว่าคนจีนชอบดื่มเหล้าเสมอไป เพราะมีกิจการรายใหญ่ของไทยก็ร่วมมือกับกิจการจีนได้โดยไม่ต้องดื่มเหล้าจนหัวราน้ำ 
ยิ่งในยุคหลังที่สี จิ้นผิง ผู้นำจีนเข้มงวดกับการดื่มกินของพนักงานของรัฐ และนโยบายเมาไม่ขับด้วยแล้ว คนจีนก็ดื่มเหล้าลดลงมาก หรือเปลี่ยนจากการดื่มเหล้าขาวที่มีดีกรีสูงมาเป็นไวน์และเบียร์ที่มีระดับแอลกอฮอล์น้อยกว่าแทน
ในช่วงหลัง ผมจึงสังเกตเห็นคนจีนอ้างเหตุผล เช่น แพ้แอลกอฮอล์ ต้องขับรถ ต้องกินยา (เพราะไม่สบายอยู่) และอื่นๆ เพื่อเลี่ยงการดื่มเหล้าอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าหากท่านเริ่มดื่มครั้งแรกแล้ว ท่านก็ถูกคาดหวังว่าจะดื่มกับฝ่ายจีนกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ในอนาคต 
 

สิ่งที่ท่านต้องเข้าใจก็คือ ในระหว่างที่ผู้ประกอบการไทยใช้เวลารับประทานอาหารและพูดคุยกับหุ้นส่วนชาวจีนที่มีศักยภาพ ฝ่ายจีนก็ใช้จังหวะโอกาสดังกล่าวเรียนรู้อุปนิสัยของท่านเช่นเดียวกัน 
ดังนั้น ท่านควรใช้ทุกจังหวะโอกาสศึกษาเรียนรู้ฝ่ายจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อจะได้ตัดสินใจได้ถูกต้อง เหมาะสมว่าจะคบหากันต่อไปให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหรือไม่ อย่างไร
ขณะเดียวกัน โลกยุคดิจิตัลที่เติบโตในจีนอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีหลังนี้ ทำให้คนจีนมีทางเลือกของความบันเทิงในรูปแบบใหม่ ทดแทนรูปแบบออฟไลน์เดิมๆ ในอดีตที่มีอยู่อย่างจำกัด อาทิ เล่นกีฬา จั่วไพ่ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ที่สำคัญ รูปแบบความบันเทิงในโลกเสมือนจีนกำลังเข้ามาเพิ่มเข้าอีก
ในระยะหลัง กิจการจีนและต่างชาติก็ลงทุนทำแอนิเมชั่นในโลกเสมือนจริงดีๆ ออกมามากมาย เพียงใส่แว่นตาอิเล็กทรอนิกส์ ท่านก็สามารถท่องอีกโลกหนึ่งได้ในชั่วพริบตา เราได้ไคว่คว้า ปีนป่าย ร่อนเวลา ต่อสู้กับอีกฝ่ายหนึ่ง หรือหลบโน่นทำนี่ในอีกโลกหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว จนทำเอาเพื่อนๆ ที่อยู่ในโลกออฟไลน์ต่างหัวเราะในอากัปกริยาของเรา 
เมื่อโลกอินเตอร์เน็ตเติบใหญ่ในจีน การเข้าสู่โลกเสมือนจริงก็ถูกเชื่อมเข้ามากัน ผู้คนที่อยู่กันคนละแห่งกลับไปพบ ผจญภัย หรือแม้กระทั่งหลงรักกันในโลกเสมือนจริง
บางแห่งก็ทำเป็นห้องพิเศษของโลกเสมือนจริงโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาใส่แว่นให้ยุ่งยากอย่างเคยก็มี และสามารถร่วมสนุกในโลกเสมือนจริงพร้อมๆ กันแบบตัวเป็นๆ ซึ่งอาจกลายเป็นหน้าตาของห้องพักผ่อนของโลกอนาคตอันใกล้ของมวลมนุษยชาติก็ได้ นั่นสะท้อนว่า ตลาดแอนิเมชั่นจีนยังจะเติบใหญ่และทรงพลังยิ่งขึ้นอีกมากในอนาคต
ที่น่าดีใจก็คือ เด็กพรสรรค์ของไทยจำนวนมากก็ถูกว่าจ้างไปทำงานในกิจการเหล่านี้อยู่ด้วย บางคนยังบอกว่า จีนเป็นตลาดใหญ่ที่เรียกร้องคอนเท้นต์ใหม่ๆ อย่างมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเขาเหล่านั้นได้ฝึกวิทยายุทธและปล่อยของใหม่อยู่เสมอ
แต่ที่น่าดีใจยิ่งกว่าก็คือ คนคุณภาพเหล่านี้มีความคิดเชิงบวกและตระหนักเสมอว่าวันหนึ่งจะกลับไทย “หากเมืองไทยมีงานดีๆ ที่ให้ผลตอบแทนงามๆ ดั่งเช่นในจีน ก็พร้อมจะกลับมาทำงานที่ไทยเสมอ หรือหากรัฐบาลส่งเสริมธุรกิจเช่นนี้ ก็สนใจกลับมาเปิดกิจการของตนเองที่ไทยในอนาคต”
แม้ว่าจีนจะเป็นตลาดแอนิเมชั่นและการ์ตูนที่ใหญ่และมีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต แต่ในทางกลับกัน ตลาดดังกล่าวก็มิได้เปิดกว้างอย่างเสรี ผมประเมินว่า ตลาดแอนิเมชั่นจีนจะถูกเก็บรักษาไว้เพื่อผู้ประกอบการท้องถิ่นจนกว่าผู้ประกอบการจีนจะมีความพร้อมในการแข่งขันระหว่างประเทศ 
ขณะที่คนไทยมีวลีเด็ดที่ว่า “โลกนี้คือละคร” เพื่อเตือนสติมิให้เราหลงใหลไปกับมายาที่วนเวียนอยู่รอบตัวเรา แต่ดูเหมือนผู้ประกอบการในวงการบันเทิงโลกต่างคิดและจ้องมองตลาดแอนิเมชั่นจีนเปรียบประดุจ “ชิ้นปลามัน” 
แต่ผมก็อยากให้ข้อคิดเตือนใจผู้ประกอบการไทยให้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดดังกล่าวเสียใหม่ มิฉะนั้นแล้ว เสียงความคิดเช่นนั้นอาจจะดังถึงผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐที่ทรงอำนาจดังกล่าว และนำไปสู่เสียงสะท้อนที่ดังขึ้นว่า “ตลาดข้าใครอย่าแตะ” เฉกเช่นเดียวกับภาพในอดีตอีกเป็นแน่
เมื่อถึงตอนนั้น เหล่าผู้ประกอบการต่างชาติ รวมทั้งของไทย ก็คงหนีไม่พ้นกับการต้องฝืนทนชื่นชมกับผลงานแอนิเมชั่นใหม่ในเนื้อหาเดิม ๆ ที่เบื้องหลังฉากสะท้อนถึงการจัดแถวขบวนพาเหรดการ์ตูนอย่างเป็นระเบียบนำโดย “แมวจีนหลากสี” ที่ตบเท้าย่างก้าวอย่างสง่างาม และตามหลังด้วยเหล่า “หนูต่างชาติ” มากมายที่ต้องยอมเหนื่อยแบก “พันธมิตรจีน” ขึ้นบ่าเดินผ่านจตุรัสเทียนอันเหมินด้านหน้าพระราชวังต้องห้ามที่เก่าแก่อย่างสงบเสงี่ยมราวกับการสวนสนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทหารหาญจีนในการฉลองครบรอบวันชาติจีน ท่ามกลางเสียงปรบมืออันดังกึกก้องจากเหล่าประชาชนและผู้ประกอบการจีน
ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมมากกว่าหากผู้ประกอบการไทยจะเลือกใช้วิธีการเข้ามาร่วมมือด้านการผลิตหรือลงทุนประกอบธุรกิจในจีนกับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่ออาศัยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของกิจการจีนในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SARFT และกระทรวงวัฒนธรรมจีน 
กิจการของไทยยังควรมองลู่ทางและโอกาสทางธุรกิจในกรอบที่กว้างขวางและหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากช่องทางผู้จัดจำหน่ายแอนิเมชั่นในจีนแล้ว ธุรกิจที่สามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อาจครอบคลุมตั้งแต่กิจการผลิตแอนิเมชั่นและการ์ตูน กิจการผลิตและหรือจำหน่ายของเด็กเล่น กิจการผลิตหนังสือเด็ก กิจการอัดเสียงภาษาจีน ... เรื่อยไปจนถึงกิจการโฆษณา ผู้รับจัดงาน และอื่น ๆ 
นอกจากนี้ การพัฒนาความร่วมมือดังกล่าวในตลาดจีนยังควรเปิดกว้างไปครอบคลุมกับพันธมิตรของชาติอื่นอีกด้วย 
บ่อยครั้งที่ผมพบว่า กิจการผลิตแอนิเมชั่นของไทยมีขนาดเล็ก รู้ไม่เท่าทันความคิดและกฎระเบียบของจีน และมีเงินทุนจำกัด เป็นต้น ทำให้อำนาจการต่อรองกับฝ่ายจีนจำกัดไปด้วย ดังนั้น เราอาจสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติเดิมที่เคยมีอยู่ โดยจับมือกันไปลุยตลาดจีนด้วยกันก็ได้
ผมคิดว่าผู้ประกอบการไทยในวันนี้เก่งกาจในการผลิตผลงานแอนิเมชั่นดีๆ สู่สายตาชาวจีนกันแล้ว คำถามก็คือกิจการเหล่านี้พร้อมจะไปโกยเงินหยวนและเติบใหญ่ไปกับตลาดแอนิเมชั่นจีนกันหรือยัง ...
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ