
"รัฐบาล-ฝ่ายค้าน" คุยลงตัว เคาะซักฟอก 4 วันลงมติ 1 วัน ได้เวลาอภิปราย 42 ชม
"รัฐบาล-ฝ่ายค้าน" คุยลงตัว เคาะซักฟอก 4 วัน 16-19 ก.พ. ลงมติ 1 วัน 20 ก.พ. ฝ่ายค้านได้เวลาทั้งสิ้น 42 ชม.
นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แถลงผลการหารือของวิป 3 ฝ่าย เรื่องการจัดสรรกรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยฝ่ายค้านจะใช้เวลาทั้งหมด 42 ชั่วโมง นับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยรัฐบาลก็ตอบคำถาม ซึ่งไม่ได้กำหนดเวลาแต่ให้พอประมาณ และคาดว่าจะอภิปรายจนเสร็จสิ้นในคืนวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยจะลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ และการอภิปรายจะเรียงลำดับตามรายชื่อที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทีละคนจะได้ไม่เกิดความสับสน
พร้อมกันนี้ก็ย้ำถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ไม่จำเป็นจะต้องแสดงเอกสารหลักฐานหรือสไลด์ประกอบการอภิปรายก่อน แต่อย่างน้อยก็ขอความร่วมมือเนื่องจากมีข้อกังวลจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรื่องกรณีภาพที่อาจขัดต่อข้อบังคับ และทำให้ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากมีประเด็นที่อ่อนไหวสุ่มเสี่ยงประธานในที่ประชุมก็สามารถที่จะวินิจฉัยระงับได้หรือทางที่ดีอาจจะแอบเอามาให้ตรวจก่อนก็จะดีกว่า
ด้านประธานวิปฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง กล่าวย้ำว่าฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 42 ชั่วโมง และพยายามที่จะอภิปรายให้แล้วเสร็จให้จบภายใน 4 วันโดยไปโหวตอีก 1 วัน แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถบริหารเวลาตามที่ตกลงกันได้ก็สามารถที่จะเพิ่มเติมเท่าที่จำเป็น และการอภิปรายจะเรียงลำดับตามญัตติรายชื่อรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านจะใช้คำว่าเป้าหมายหลักและขณะเดียวกันก็สามารถที่จะโยงไปยังรัฐมนตรีเป้าหมายรองได้ ซึ่งหากเป็นไปตามข้อตกลงนี้เชื่อว่าการอภิปรายจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น
ขณะที่ประธานวิปรัฐบาล นายวิรัช รัตนเศรษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่าฝ่ายค้านจะต้องใช้เวลาอภิปรายแต่ละวันวันละประมาณ 12-14 ชั่วโมงเพื่อที่จะครอบคลุมตามเวลาที่ตกลงไว้ใน 42 ชั่วโมงใน 4 วัน ซึ่งจะรวมถึงเวลาการประท้วงด้วย และขอให้แจ้งลำดับการอภิปรายรัฐมนตรีที่จะถูกโยงถึงในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีเป้าหมายหลักหรือเป้าหมายรองเพื่อที่ทางวิปรัฐบาลจะได้แจ้งผู้ที่ถูกอภิปรายได้เตรียมพร้อมในการชี้แจง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือในเรื่องของกรอบเวลาเสร็จสิ้น พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ก็ได้มีการไปประชุมต่อทันที เพื่อกำหนดจำนวนเวลาของแต่ละพรรค โดยเบื้องต้นมีการปรับจำนวนขุนพลผู้อภิปรายลงจาก 45 คนเหลือ 38 คน



