กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก ไม่บัญญัติข้อห้าม "ส.ส.ร." กลับมาเป็นนักการเมือง หลังทำรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จ ชี้เพื่อเปิดกว้างให้มีผู้สมัครมาก
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) รัฐสภา แถลงถึงผลการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าหลังจากที่ กมธ.ฯ มีมติให้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากเลือกตั้ง 200 คนแล้ว ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยมีประเด็นสำคัญ คือการกำหนดข้อห้าม ส.ส.ร. ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลังจากที่ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ซึ่งเสียงข้างมากของที่ประชุมเห็นว่าไม่ควรกำหนดข้อห้ามดังกล่าว เพื่อเปิดกว้างให้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นส.ส.ร. จำนวนมาก อย่างไรก็ดียอมรับว่ามีกมธ. เสียงข้างน้อยเห็นควรให้กำหนดข้อห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จ เพื่อป้องกันข้อครหาว่าร่างรัฐธรรมนูญเพื่อตนเองหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งรายละเอียดข้อถกเถียงนั้นเชื่อว่าจะมีการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาและนำไปสู่การลงมติตัดสินอีกครั้ง
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับร่างแก้ไขมาตรา 256 มีเนื้อหาที่ค้างพิจารณา คือเกณฑ์การใช้เสียงรัฐสภาตัดสินการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรก รับหลักการ และวาระสาม เห็นชอบ ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติ และตัดสิน ว่า กำหนดให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ทั้งวาระแรกและวาระสาม จากเดิมที่ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับของส.ส.ร่วมรัฐบาล กำหนดใช้เสียง 3 ใน 5 เพื่อคงหลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ง่ายเกินไป และต้องใช้ความสมานฉันท์ของรัฐสภาต่อการแก้ไข
โฆษกกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมกมธ.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กำหนดให้สมาชิกรัฐสภาทั้ง 109 คนแบ่งเป็น ส.ว. 8 คน และ ส.ส.101 คนที่เสนอคำแปรญัตติมาชี้แจงต่อกมธ.ฯ และเมื่อแล้วเสร็จ กมธ. นัดประชุมครั้งสุดท้าย วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เพื่อตรวจสอบรายงาน ก่อนเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้บรรจุวาระประชุมและพิจารณาวาระสองวันที่ 24 - 25 กุมภาพันธ์ ส่วนการลงมติวาระสาม นั้นคาดว่าจะอยู่ช่วงวันที่ 16 มีนาคม หรือ 17มีนาคม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง