'คนแพร่โควิด' ส่อรอด เหตุไร้เงาเจ้าทุกข์แจ้งเอาผิด

จากกรณีของดีเจมะตูม หรือนายเตชินท์ พลอยเพชร นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง อายุ 31 ปีที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนได้ติดโควิด-19 และมีการย้อนไทมไลน์ทำให้ทราบว่า ไม่มีการกักตัว โดยฝ่าฝืนจัดปาร์ตี้ มีการรวมตัวในสถานที่เดียวกันจนทำให้กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สู่ผู้ร่วมงานกว่า 19 ราย

วันที่ 29 มกราคม 2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 บางรายมีการปกปิดข้อมูลการเดินทาง(Timeline) ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่า สำนักงานกรุงเทพมหานคร หรือ มีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด

หลังจากเมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2564) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) มีคำสั่งกให้พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ประสานการปฏิบัติงานตรวจสอบร่วมเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค คือทางเจ้าหน้าที่เขตและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แล้วกรณีดังกล่าว เนื่องจากโรงแรมบันยันทรีอยู่ในพื้นที่สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งการดำเนินคดีในกรณีดีเจมะตูม ต้องรอให้ทางเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค คือทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าแจ้งความ ทางตำรวจถึงจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้

การดำเนินคดีกับผู้ปกปิดข้อมูลการแพร่เชื้อไวรัสโควิด- 19 เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ.ร.บ.ควบคุมโรค ต่างจากคดีอาชญากรรม ที่ต้องใช้องค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสาธารณสุขศาสตร์ หรือผู้มีอำนาจอย่างเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มีการสอบสวนโรคในการดำเนินการทางกฎหมาย หากไม่มีเจ้าพนักงานดังกล่าวเข้าแจ้งความ ตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว