เปิดเส้นทาง 'ลูแปง ไต้หวัน' จอมโจรค้ายาเคนมผง 

หลังจากที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด บุกเข้ารวบตัวนาย โช วาย เชิน สัญชาติไต้หวัน ภายในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านอโศกมนตรี ซึ่งข้อมูลแนวทางการสืบสวน ระบุว่า “นายโช” หรือเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไต้หวันตามฉายา “ลูแปง” ซึ่งอยู่ในกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ระดับต้นๆของไต้หวัน ตรวจค้นห้องพักพบยาเสพติดหลากหลายชนิดเรียงรายอยู่ภายในห้องพักหรู ทั้งเคตามีน ,ยาอี ,ไอซ์ ,เฮโรอีน ,โคเคน ,LSD หรือที่เรียกว่า แสตมป์มรณะ ,โดมิคุ่ม หรือยานอนหลับ 2 ขวด ,ยานอนหลับชนิดเม็ดชื่อ “ไฟว์ไฟว์” ,เครื่องซีลพลาสติก ,เครื่องปั่น ,เครื่องชั่งดิจิตอล และถุงพลาสติกใส่สารเสพติด

 

 

สอบสวนเบื้องต้น นายโช หรือ “ลูแปงไต้หวัน” บอกว่า สารเสพติดและอุปกรณ์ทั้งหมด เป็นส่วนผสมแบบที่เรียกว่า “ค็อกเทล” ซึ่งเป็นการนำยาเสพติดหลายชนิดมารวมกันในปริมาณที่คำนวณเอง ซึ่งตนได้ใช้ห้องพักหรูเป็นห้องทดลองส่วนตัว ที่สำคัญปลอดภัยจากการบุกเข้ามาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

 นายโช บอกอีกว่า สูตรการผสมยาเสพติดแต่ละชนิด จะมีการบันทึกไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่ยาเสพติดที่นำมาผสม จะเป็นจำพวก เคตามีน ยาอี และยานอนหลับ โดยจะปั่นรวมกันให้ละเอียด เพื่อสะดวกต่อการเสพด้วยวิธี “สูดดม” เข้าทางจมูก ซึ่งจะทำให้ยาออกฤทธิ์เร็วมากขึ้น

 

ส่วนยาเสพติดแบบ “ค็อกเทล” ก็เป็นสูตรที่ผสมขึ้นมาเอง และก็ทราบว่า หากใช้ในปริมาณมากก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ลูกค้าคนไทย จะเข้ามาซื้อผ่านช่องทางออนไลน์  โดยเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดชนิด “เคตามีน” ซึ่งมีต้นทางการผลิตมาจากโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะส่งต่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครและจังหวัดรอบๆเป็นจุดพักยา บางครั้งก็มีการลักลอบนำออกมาจำหน่ายด้วย

 

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ระบุว่า เคตามีน เป็นที่นิยมในกลุ่มนักเสพชาวไต้หวัน จึงทำให้มีนายทุนชาวไต้หวันเปิดโรงงานผลิตเคตามีนอยู่ตามแนวชายแดนไทยฝั่งเมียนมา โดยการผลิตแต่ละครั้งจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก จำหน่ายในประเทศไทย ส่วนที่สองส่งกลับไปจำหน่ายประเทศไต้หวัน และสุดท้ายจำหน่ายประเทศที่สาม โดยเฉพาะในประเทศในแถบยุโรป ฉะนั้น การจับกุมนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่าย “เคตามีน” จะพบว่า มีชาวไต้หวันเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันอยู่เสมอ

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ ข้อมูลของตำรวจปราบปรามยาเสพติด บอกอีกว่า เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2563 จากการตรวจยึด “เคนมผง” ได้เป็นครั้งแรก มีการซุกซ่อนอยู่ในกล่องขนมเตรียมส่งพัสดุไปยังปลายทาง คือ ประเทศสหรัฐอารับเอมิเรตส์ และยังขยายผลพบว่า นายลูแปงมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ผสมยาเสพติดด้วย

 

ส่วนช่องทางการจำหน่ายของนายลูแปง จะใช้ช่องทางผ่าน “ดาร์คเว็บ” หรือเว็บตลาดมืด ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมธุรกิจสีดำเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด อาวุธสงคราม รวมถึงการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อจำหน่ายแก่นักเสพ โดยวิธีการจ่ายเงิน จะใช้การจ่ายด้วยเงินสกุล “บิทคอยน์” เพื่อป้องกันการติดตามแกะรอยเส้นทางเงินของตำรวจ ซึ่งวิธีอันแยบยลนี้ ทำให้เป็นที่มาของฉายา “ลูแปง ไต้หวัน” และยังเป็นตัวละครจอมโจรที่เขาชื่นชอบอีกด้วย

 

การเดินทางเข้ามากบดานในประเทศไทยของนายลูแปง เริ่มต้นจากเมื่อปี 2555 เขาได้สั่งยาเสพติดโคเคน จำนวน 280 กรัม กัญชา 80 กรัม จากประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาในไต้หวัน จนทำให้ตำรวจไต้หวันออกหมายจับข้อหาครอบครองยาเสพติดและส่งออก จนกระทั่งต้องหนีเข้ามาในไทย โดยใช้ชื่อปลอมและถือสำเนาหนังสือเดินทางหลายสัญชาติในการหลบหนี โดยข้อมูลระบุว่าเขาเข้ามาหลบซ่อนตัวตั้งแต่ปี 2556 แต่ก็ยังเป็นเอเย่นต์ขายยาเสพติดให้กับลูกค้าในกรุงเทพมหานคร  ใช้ชีวิตหรูหรา และมักเช่าคอนโดมิเนียมหรูระดับ 5 ดาว เป็นที่หลบซ่อนตัวในย่าน ลุมพินี ,พระรามเก้า ,ทาวน์อินทาวน์ ,รามคำแหง และย่านสุขุมวิท สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป