ข่าว

จับหนุ่มไนจีเรีย หลอกขอข้อมูล-OTP โอนเงินหมดบัญชี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รวบหนุ่มไนจีเรีย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ส่งอีเมล์ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัส OTP ก่อนนำข้อมูลเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น แล้วโอนเงินออกจากบัญชีหมดเกลี้ยง เหยื่อหลงเชื่อ 3 ราย ส่วนคดีอื่นๆ ลักลอบเข้าเมือง- ขนยาเสพติดซุกซองเกลือแร่ใส่กระเป๋าเดินทาง

วันนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงข่าวตำรวจกองกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติสิงคโปร์ และ สัญชาติปากีสถาน ที่อาคารผู้โดยสารขาออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  โดยตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเฝ้าระวังกรณีคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง กระทั่งพบบุคคลต้องสงสัยจึงแสดงตัวขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง และผลการตรวจสอบข้อมูลจากระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (BLOMETRICS) ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้าในราชอาณาจักรไทย จึงจับกุมฐานความผิด เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต  

นอกจากนี้ตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ยังสามารถจับกุมหนุ่มนอร์เวย์ใช้ หนังสือรับรองจากสถานกงสุลปลอม เพื่อเดินทางเข้าในประเทศไทยที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ประสานตรวจสอบกับสถานกงสุลไทยประจำเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ได้รับการยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม จึงจับกุมดำเนินคดีในฐานความผิด ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม

 

ทั้งนี้ตำรวจยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ 3 คดี โดยคดีแรก เป็นชายไทย 2 คน ถูกจับกุมได้พร้อมของกลางไอซ์กว่า 6 กิโลกรัม บรรจุในซองเกลือแร่ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางปิดบังเจ้าหน้าที่ขณะเตรียมเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล /คดีที่ 2 สามารถจับกุมหญิงไทยพร้อมของกลางโคคาอีนกว่า 3 กิโลกรัมซึ่งเดินทางมาจากเมืองแอดดิสอะบาบา ประเทศเอธิโอเปีย /และ คดีที่ 3 จับกุมหญิงไทยที่ซุกซ่อนโคคาอีนในกระเป๋าเดินทาง น้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม เดินทางมาจากเมืองแอดดิสอะบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งคาดว่านำมาส่งให้ เครือข่ายยาเสพติดแก๊งแอฟริกันในประเทศไทยเช่นเดียวกับเคสที่ 2

 

สำหรับคดีสุดท้าย ตำรวจได้เข้าจับกุม นายชัค ชาวไนจีเรีย ได้ที่แฟลตแห่งหนึ่งแถวรามคำแหง เขตมีนบุรี หลังก่อเหตุแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย ส่งอีเมล์ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด เลขบัญชีธนาคาร และรหัส OTP เมื่อผู้เสียหายกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ผู้ต้องหาก็ใช้ข้อมูลดังกล่าว เข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น I-BANKING และทำการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายไปจนหมด โดยมีผู้หลงเชื่อเบื้องต้น 3 คน และได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล และ สถานีตำรวจภูธรบางใหญ่แล้ว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ