ข่าว

เป้าหมาย"ล้มอำมาตย์"

เป้าหมาย"ล้มอำมาตย์"

22 ม.ค. 2553

ยุทธการ “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว” ของ “ขบวนการทักษิณ” ที่เคลื่อนผ่าน “กลุ่มเสื้อแดง” กำลังทะยานไปข้างหน้าอย่างคึกคัก

อย่างกรณี “เขายายเที่ยง" ที่ออกแรงบีบ “กรมป่าไม้" อย่างหนักจนหน้าเขียว ในที่สุดก็ “หมดตาเดิน” ต้องออกคำสั่งรื้อถอน “คฤหาสน์บนหุบเขา" ใน 30 วัน

 แม้ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" จะออกตัว ก้มหน้า “อัปเปหิ” ตัวเองใน 1-2 วันไม่รอให้งามหน้าจนครบเดือน แต่ก็ดูเหมือนจะ “ไม่ทันการณ์”

 เพราะ “คนเสื้อแดง" เขาหยิบไป “ขยายผล” เพื่อ “ประกาศชัยชนะ” กันเอิกเกริกเสียแล้ว

 คนระดับ “องคมนตรี” อาจคิดว่า “จะมีใครหน้าไหน" มากดดันได้

 แต่สถานการณ์การเมืองวันนี้ มันมาถึงขั้น “ไม่มีใครกลัวใคร" และเป้าหมาย "ล้มอำมาตย์" ที่นอนอยู่บนพิมพ์เขียวมานานกว่า 30 ปี ก็สุกงอมพอที่จะได้ฤกษ์ขยับขับเคลื่อนได้แล้ว

 “พล.อ.สุรยุทธ์” ในวันนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ตกอยู่ในสภาพเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร" ในวันที่อำนาจทุกองคาพยพต้องสยบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

 แต่กลับอาศัยช่องว่างกฎหมาย "บุกรุกที่ดิน" เช่นเดียวที่ "ทักษิณ" เลี่ยงภาษีขายหุ้นชินคอร์ป

 มีคนออกมาประท้วงก็ตะแบง ไหลลู่ลม กลืนกลมไปตามเหลี่ยมคูกฎหมาย

 เพื่อนรักอย่าง “จำลอง ศรีเมือง" ยื่นบันไดทองคำให้ยอมจ่ายภาษีแล้วทุกอย่างก็จะจบ แต่ก็ไม่ยอม แถมยังแขวะเพื่อนเสียอีก

 สุดท้ายความหลงอำนาจ “เสียน้อยเสียยาก” กลายเป็น “ยาวิเศษ" ปลุกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กำลัง “หมดมุก" ให้ลุกขึ้นมาสู้อีกยก และขบวนการสีเหลืองก็ฮึดจนเข้าวิน

 เห็นได้ชัดว่า "เสื้อแดง" ได้สะกดรอย "เสื้อเหลือง" ชนิดก้าวต่อก้าวเลยทีเดียวสำหรับกรณีนี้

 และจากนี้ไป “ขบวนการเสื้อแดง" จะมีคิวไปเยือน “เขาสอยดาว" แผ่นดินที่ “เจ้าสัวแบงก์ใหญ่” ยึดครองทำประโยชน์ โดยการหยิบเอา “หัวเชื้อ” จากเขายายเที่ยงไปเติมเพื่อจุดต่อ

 แต่ว่าไปแล้ว จะเล่นบท “พิทักษ์ป่า" ต่อไป ก็คงทำได้อีกไม่นาน เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่างานนี้ฝ่ายเสื้อแดงก็ "ขว้างงูไม่พ้นคอ" เหมือนกัน

 เพราะสุดท้ายจะเกิดคำถาม “ย้อนศร" ว่า เหตุใดนักพิทักษ์ป่าถึงไม่ไปทวงคืน “ธรณีสงฆ์" ที่วันนี้กลายเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ คืนให้แก่ “ยายเนื่อม”

 หรือที่ดิน ภ.บ.ท.5 ซึ่งมีสถานะเดียวกับ “พล.อ.สุรยุทธ์” ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยถือครองอยู่ที่ จ.ราชบุรี “คนเสื้อแดง” จะเอาอย่างไร ?

 กระนั้น ข้อน่าสังเกตจากการรุกไล่ "พล.อ.สุรยุทธ์" ซะจนแต้มกลางกระดานอย่างนี้ มีข้อน่าพินิจพิเคราะห์อยู่ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ "ขบวนการเสื้อแดง" นั้น คงไม่หยุดอยู่แค่การคืนที่ดินแน่นอน

 หากมองย้อนกลับไปนับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยา 2549 เป็นต้นมา เป้าหมายของคนเสื้อแดงที่เคยพุ่งตรงไปที่ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” วันนี้แรงอัดกระแทกทะลุทะลวงไปยัง “พล.อ.สุรยุทธ์” ที่ว่ากันว่าจะ “ขึ้นแท่น" เป็นคนต่อไป

 ยามนี้ “คนเสื้อแดง" โดยเฉพาะโฟกัสเข้าไปที่ “คอมมิวนิสต์เก่า" เป็นปฏิบัติการ “ตีวัวกระทบคราด" แล้ว ดี๊ด๊า สุดจิตสุดใจ เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ

 บันไดขั้นต่อไปคือ ทลายความแข็งแกร่งของสถาบัน “องคมนตรี” ทั้งแผง

 ตัดกำลัง “อำมาตยา" แบบหน้ากระดานเรียงหนึ่ง

 ทุบให้ล้มเป็นรายๆ เหมือนโดมิโน !!!

 ท่ามกลางสมมติฐานของ “คนเสื้อแดง" ว่า “อำมาตยา" นี่เอง ที่เป็น “ผู้บงการ" กระบวนการยุติธรรม เป็นต้นเหตุของ “สองมาตรฐาน"

 ดังนั้น “ทำลายขวัญ" อำมาตยาให้ฝ่อ พร้อมๆ กับกระตุกให้สังคมเห็นคล้อยกับ "จุดอ่อน" ของอำมาตย์

 ก็เท่ากับเปิดทางโล่งให้แก่นักโทษหลบหนีการจำคุกอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งต้องทำให้เสร็จก่อน 26 กุมภาพันธ์ 2553 วันที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน

 แต่ถึงกระนั้น แม้สถานการณ์ขณะนี้ดูเหมือนว่า “อำมาตยา" จะเปิดจุดอ่อนให้ “ทักษิณ" เจาะยางแบบง่ายๆ

 แต่อย่าลืมว่า ยิ่งการเคลื่อนไหวทะยาน “ขึ้นสูง" มากเท่าไหร่ แรงกดอากาศยิ่งสูงตามไปด้วย

 ขณะที่ “ขุนศึก" ทั้ง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ถูกลูบคมด้วย เอ็ม 79

 “เหมือนปลุกเสือหลับ”

 จังหวะก้าวหลังจากนี้จะ “สุ่มเสี่ยง" อย่างยิ่งยวด

 โดยเฉพาะการประกาศบุกกราบบังคมทูลรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงโรงพยาบาลศิริราช ในขณะที่พระองค์ท่านทรงอยู่ในระหว่างพักฟื้นพระวรกาย

 เหมาะหรือไม่เหมาะ สร้างแรงกดดันผิดที่ผิดทางหรือไม่ เป็นสิ่งที่ "ขบวนการเสื้อแดง" ต้องทบทวน ก่อนกระแสจะตีกลับ

 อย่าลืมว่า “คนเสื้อแดง” เป็นผู้เหลาปลายสงครามครั้งนี้ให้ “แหลมคม” ด้วยมือตัวเอง หากก้าวผิดจังหวะ เดินหน้าไม่มีเบรก ก็เตรียมรับปลายหอก ปลายดาบ ที่จะทิ่มแทงกลับเข้าหาตัวเองได้เลย

 ท่องให้ขึ้นใจว่า "ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย" !!!


 เสถียร วิริยะพรรณพงศา