ปทส.บุกช่วยม้า 44 ตัว ก่อนถูกชำแหละแยกชิ้นขายส่งออกจีน-เวียดนาม 

     เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. พ.ต.ท.ธีรพงศ์  ประจักษ์จิตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 ปทส. พร้อมด้วยกำลังจ้าหน้าที่ กก.3 ปทส. เข้าจับ น.ส.กันยารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาวขอนแก่น โดยจับกุมได้ที่ฟาร์มม้า ในอ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น
    
      

     พล.ต.ต.พิทักษ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลจากทางมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ (Watchdog Thailand) ว่ามีขบวนการลักลอบนำม้าไปส่งขายให้โรงฆ่าสัตว์อย่างผิดกฎหมายในพื้นที่จ.นครราชสีมา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท กรมปศุสัตว์ จนพบเบาะแสว่าขบวนการดังกล่าวจะมีการเคลื่อนย้ายม้าออกจากฟาร์มม้า ใน อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมา จึงได้จัดกำลังไปเฝ้าสังเกตุการณ์ 

     พล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่ากำลังเคลื่อนย้ายม้าใส่รถ6ล้อ จำนวน 2 คัน โดยมีม้าทั้งหมด 23 ตัว ถูกต้อนขึ้นไปบนรถ ก่อนที่จะขับออกไป ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถสะกดรอยตาม จนกระทั่งรถบรรทุกม้าเข้าไปจอดในฟาร์มม้าแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับโรงชำแหละสัตว์ในเขตอ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ทางตำรวจปทส.จึงได้ประสานขอกำลังเสริมจากทางสภ.แวงใหญ่ ก่อนจะเข้าตรวจค้นภายในฟาร์มาดังกล่าว 

     พล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจค้นพบม้าจำนวน 44 ตัว ที่ไม่ได้ขึ้นถูกทะเบียนสัตว์ต่อนายสัตวแพทย์ท้องที่ กำลังรอส่งให้กับโรงชำแหละสัตว์ นอกจากนี้ยังจับกุมเจ้าของฟาร์มได้ ซึ่งสอบสวนแล้วให้การรับสารภาพว่ารับซื้อมาเพื่อชำแหละขายจริง 

     สำหรับม้าทั้งหมดนี้หากไม่ถูกตรวจยึดได้เสียก่อนนั้น จะถูกนำไปชำแหละแยกชิ้นส่วนเพื่อนำไปขายต่อให้กับพ่อค้าอีกทอด โดยจะขายในราคากิโลกรัมล่ะ 100 บาท ก่อนที่ถูกส่งต่อไปขายยังประเทศเวียดนาม และ ประเทศจีน โดยจะใช้ช่องทางธรรมชาติเป็นช่องทางขนส่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งถึงขั้นตอนของขบวนการค้าม้านี้ 

     เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.กันยารัตน์ ส่งให้พนันงานสอบสวนสภ.แวงใหญ่ ดำเนินคดีในข้อหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ไม่ได้ขึ้นทะเบียนสัตว์ต่อนายสัตวแพทย์ท้องที่  2.ค้าสัตวโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.ทำการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าเขตเฝ้าเขตระวังโรคระบาด