"วิษณุ"เผย "คกก.สอบบ่อน" เป็นแค่ผู้รับเรื่องคอยประสานกำกับเร่งรัด ไร้อำนาจจัดการ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคณะกรรมการตรวจสอบบ่อนการพนัน ตามที่นายกรัฐมนตรี เคยระบุวาา กำลังทาบทามคณะกรรมการและประธานอยู่ ขอให้รอ 1-2 วันนี้ โดยจะต้องประกอบด้วยหน่วยงานที่มีหน้าที่ และ เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดำเนินการ โดยไม่จำเป็นคนที่เป็นรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดดังกล่าว ไม่เหมือนกับการคณะกรรมการชุดนายวิชา มหาคุณ ขึ้นมาดำเนินการกับปัญหาเรื่องในคดีไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยาเพราะเรื่องนั้นเป็นการหาข้อเท็จจริง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไปหาว่าใครทำผิด ดังนั้น ถึงเจอว่าใครทำผิดก็ทำอะไรต่อไม่ได้ นอกจากให้ 5 หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ)  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้เป็นคนจัดการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด้ง ผบช.ภ.2 เซ่นพิษบ่อนโควิด-19 ภาคตะวันออก

นายวิษณุ กล่าวว่า จะต้องทำอย่างไรให้คณะกรรมการ 1-2 ชุด เพื่อเข้าไปประสานงานทุกอย่างกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

โดยเรื่องดังกล่าวแตกเป็น2 ประเด็นคือเรื่องคนต่างด้าวที่เข้ามา และประเด็นบ่อนการพนัน ซึ่งเชื่อมโยงกัน เพราะคนต่างด้าวที่นำเชื้อโควิด เข้ามาทำงานในบ่อน

นายวิษณุ กล่าวว่า บ่อนเป็นเรื่องผิดกฎหมายและต้องจัดการไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่ อาจต้องมีคณะกรรมการ1-2 ชุดทำเรื่องนี้ กำลังหารือกับผู้เกี่ยวข้องอยู่ โดยคณะกรรมการที่จะเข้ามาจะเป็นเพียงผู้ประสานงาน กำกับ เร่งรัด รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์จากประชาชน  ที่อาจจะไม่กล้าไปแจ้งตำรวจ และเมื่อรับเรื่องก็จะได้แจกไปให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการจับกุม โยกย้าย ทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องนำเสนอนายกฯ ซึ่งยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาทำงาน แต่ให้ทำเรื่อยๆ และรายงานเป็นระยะ

นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นการบูรณาการ ที่จะทำให้เห็นว่า การทำอย่างนั้นเป็นความผิดกฎหมาย5-6 ฉบับ เช่น พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎหมายแรงงานต่างด้าว กฎหมายเข้าเมือง กฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า การทำงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีการวางมาตรการป้องกันด้วย หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการมีโทษฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่