ข่าว

ศปค.สธ.จ่อชงปิดนั่งทานในร้าน14วัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศปค.สธ.จ่อชงปิดนั่งทานในร้าน14วัน ยกเคสหนุ่ม44ปี เสียชีวิต เนื่องจากพบแพทย์ช้า ขณะกรมการแพทย์ ยันเตียงรับผู้ป่วยโควิด มีเพียงพอ

1 ม.ค.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค  เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อ 279 ราย เทียบกับเมื่อวานก็เพิ่มขึ้นพอสมควร และเพิ่มอีก 2 จังหวัดคือ ลำพูนและสระแก้ว ซึ่งทั้งหมดก็ยังสัมพันธ์กับที่จังหวัดระยอง โดยภาพรวมการระบาดยังอยู่ที่สมุทรสาคร กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออก มีการกระจายตัวไปจังหวัดอื่นๆบ้างแล้ว 
 

และในวันนี้ (1 ม.ค. ) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด-19 (ศปค.สธ.) ได้มีคำแนะนำให้กับพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 ในส่วนที่เป็นสถานบันเทิงและร้านอาหารประเภทนั่งรับประทานในร้าน ขอแนะนำให้ปิดดำเนินการเป็นเวลา 14 วัน แต่อนุญาตให้จำหน่ายอาหารประเภทรับกลับไปทานที่บ้านได้

งนี้จะนำข้อแนะนำนี้ส่งไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และ ศบค.ต่อไป ขอย้ำว่าร้านอาหาร สถานบันเทิงเป็นจุดที่พบเหตุการระบาดหลายครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนสามารถหลีกเลี่ยงได้ เปลี่ยนมาเป็นวิธีการซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน ก็จะทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดในสถานบันเทิงร้านอาหารในกรุงเทพฯ ย่านปิ่นเกล้า มีผู้ติดเชื้อ 43 ราย วันนี้เพิ่มมาเป็น 49 ราย และเสียชีวิตด้วย ดังนั้นเมื่อบุคคลที่ติดเชื้อไปสถานที่อื่นต่อ ก็มีโอกาสแพร่เชื้อต่อเนื่องได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจคัดกรองทางเพิ่มเติม คือกลุ่มพนักงานร้าน-นักร้องไป 131 คน มีผลบวกเพิ่มเติม 5 คน / กลุ่มผู้มารับบริการ 30 คน พบเชื้อ 1 คน / ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน 16 คน ตรวจพบอีก 1 คน / ส่วนผู้สัมผัสเสียงต่ำที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับสถานบันเทิง 197 คน ไม่พบเชื้อ สรุปได้ว่าผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะพบเชื้อเฉลี่ยประมาณ 3-6% ก็ขอให้คนที่ไปใช้บริการในย่านดังกล่าวมาตรวจเพิ่ม

สำหรับการสอบสวนโรคในสถานบันเทิง เช่น คาราโอเกะ ผับ บาร์ เป็นสถานที่ปิด จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ส่วนพนักงานในร้านเมื่อมีอาการป่วยก็ขอให้รีบหยุดงานเพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ สวมหน้ากากตลอดการให้บริการ ก็เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อลดการแพร่เชื้อและติดเชื้อจากสถานที่ดังกล่าว

ส่วนการตรวจในพื้นที่บ่อนการพนัน ทั้งจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด และสระแก้ว พบผู้ติดเชื้อ และยังไปในบ่อนอื่นๆในพื้นที่อีก ดังนั้นตั้งแต่ 1 ธันวาคมเป็นต้นมา ขอให้ผู้สัมผัสเสี่ยง สังเกตอาการตนเองที่บ้าน 14 วัน หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้สวมหน้ากากอนามัย ใช้รถส่วนตัวไปรับการตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลน่าสนใจ คือรายที่ 49 เป็นชายไทยที่เสียชีวิต วันที่ 31 ธ.ค. 63 จากประวัติพบว่าป่วยมาแล้วตั้งแต่ 26 ธ.ค.หลังจากรับประทานอาหารวันที่ 20 ธ.ค. และมีอาการป่วยก็ยังไม่พบแพทย์ทันที หลังจากนั้น 2 วันเริ่มเหนื่อยหอบ และเมื่อเหนื่อยมากขึ้นก็ไปตรวจคลินิกทางเดินหายใจที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 80%จากปกติ 90-100% โดยวันที่ 31 ธ.ค. อาการไม่ดีขึ้น ส่งต่อไปโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และเสียชีวิตเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. ขณะนี้มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งครอบครัวและในโรงพยาบาล กรณีนี้คือตัวอย่างของการป่วยที่นำมาซึ่งอาการรุนแรงในเวลาอันสั้น จึงขอย้ำเตือนว่า กลุ่มที่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด คือ ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีประวัติโรคประจำตัว โรคปอด โรคเบาหวาน หากมีอาการทางเดินหายใจต้องรีบมาพบแพทย์ หากมาช้าเกิน 48 ชั่วโมง มีโอกาสเสียชีวิต

ขณะที่ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสำรองเตียงในโรงพยาบาลทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19โดยเฉพาะ 22,690 เตียง สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สำรองเตียงไว้ 2,778 เตียง ซึ่งจะมีภารกิจในการรับการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการหนักจากจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกด้วย โดยวันนี้มีการรับผู้ป่วยอาการหนักเข้ามาประมาณ 20-30 ราย รวมนอนรักษาอยู่ 277 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย มี 8 รายที่อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจและนอนรักษาในห้องไอซียู

ส่วนพื้นที่เขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งครอบคลุม จังหวัดสมุทรสาครด้วยนั้น มีเตียงสำรอง 1,647 เตียง มีผู้ป่วยนอนรักษา 320 ราย อาการหนัก 1 ราย // เขตสุขภาพที่ 6 ซึ่งครอบคลุมภาคตะวันออก ตั้งแต่สมุทรปราการ ไปจนถึงตราด มีสำรองไว้ 2,628 เตียง ผู้ป่วยนอนรักษาอยู่ 248 ราย อาการหนัก 2 ราย

กรณีห้องไอซียู ห้องความดันเป็นลบ และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้น จากการระบาดรอบแรกมีค่าเฉลี่ยของผู้ที่นอนโรงพยาบาลที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย 14 วัน และผู้ที่มีอาการหนัก 17 วัน จึงนำมาคาดการณ์ตัวเลข พบว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ห้องไอซียูรับผู้ป่วยใหม่เพิ่มได้วันละ 24 ราย ทั่วประเทศรับได้ 96 รายต่อวัน โดยหากมีจำนวนผู้ป่วยรับใหม่สูงสุด 276-480 รายต่อวัน จะต้องใช้ไอซียู 5-8.7% และรับผู้ป่วยเช่นนี้ไปเรื่อยๆ 17 วัน ทั่วประเทศ จะมีห้องไอซียูหมุนเวียนได้ 1,103-1,920 ราย ดังนั้นการสำรองเตียงและการบริหารจัดการเตียงมีความเพียงพอ แต่ก็ได้มีการเตรียมตวามพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรืออาการไม่มาก จะได้สำรองในส่วนของโรงพยาบาลไว้สำหรับผู้มีอาการป่วยที่จำเป็นทโดยในส่วนของเขตสุขภาพที่ 6 กองทัพเรือ ได้มอบค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า เพื่อเป็นโรงพยาบาลสนาม สามารถเปิดได้ในวันที่ 2 ม.ค.ทันทีหากมีความจำเป็นต้องใช้ดูแลผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง และจะหาพื้นที่เช่นนี้เตรียมการไว้ในทุกจังหวัดด้วย

สำหรับปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยอาการหนักนอนรักษาตัวในห้องไอซียู และใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย มี 1-2 รายที่แพทย์เฉพาะทางต้องดูแลใกล้ชิด และ 2-3 รายมีโอกาสจะย้ายออกจากห้องไอซียูได้ในไม่ช้านี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยอาการรุนแรงปานกลางและหนักจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยความรุนแรงจะอยู่ฝั่งภาคตะวันออกมากกว่า เพราะผู้ป่วยหลายคนมีโรคประจำตัวและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไปสถานบันเทิง ผับ บาร์ ร้านอาหาร ย่านปิ่นเกล้า โซนกรุงธนเหนือ รอยต่อ อ.บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี สามารถขอรับคำปรึกษาและคัดกรองโควิดได้ที่ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง โทร. 025211668 หรือ 0616424406 ในเวลาราชการ หรือสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

สำหรับการติดเชื้อในขณะนี้ก็สัมพันธ์กับทั่วโลกที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ปัจจัยก็คือเชื้อกลายพันธุ์ ทำให้แพร่กระจายง่ายขึ้น แต่ความรุนแรงของเชื้อลดลงถึงแม้จะมีผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับประเทศไทยที่พบหลายเหตุการณ์ ทั้งตลาดกลางกุ้ง บ่อนการพนัน หรือสถานบันเทิง ดังนั้นในระยะ 1-2 เดือนนี้จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันก็จะทำให้ชะลอการติดเชื้อลดการติดเชื้อได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ในส่วนของวัคซีนขณะนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสาธารณสุข ก็มีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาวัคซีนทั้งที่ลงนามในสัญญาไปแล้ว และอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเร่งฉีดให้กับประชาชน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ