
"อัจฉริยะ" ร้อง ปปป. เอาผิดแก๊งขนแรงงานเถื่อน
"อัจฉริยะ" ร้อง ปปป. เอาผิดขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน เป็นข้าราชการระดับสูง อ้างส่งเงินให้รองนายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม ที่ บก.ปปป.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานกรณีทุจริตรับสินบน ขบวนการลักลอบนำเข้า แรงงานต่างด้าวจากจังหวัดกาญจนบุรี มายังจังหวัดสมุทรสาคร ยื่นต่อพล.ต.ต.จรูญเกียรตื ปานแก้ว ผบก.ปปป.
เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ฐานเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา157 โดยมีพ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 บก.ปปป เป็นตัวแทนรับมอบ
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การเข้าร้องทุกข์วันนี้จะเปิดโปงรายชื่อตำรวจและฝ่ายปกครองจำนวน 10 คนมีตั้งแต่ระดับล่าง ถึง ระดับสูง ซึ่งทำเป้าขบวนการยาวนานกว่า 1 ปี โดยล็อตแรกที่ดำเนินการเอาผิด
จะเอาผิดผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีและพวกจำนวน 10 ราย แล้วจะทยอยเอาผิดข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหลังจากปีใหม่นี้ที่จะเป็นระดับจังหวัด ทหาร และฝ่ายปกครอง ซึ่งการนำข้อมูลยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ ทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมีพยานหลักฐานที่มีความผิดชัดเจน โดยเฉพาะรายชื่อของนายหน้าจะมีประมาณกว่า 100 คน ซึ่งเป็นนายหน้าในจังหวัดกาญจนบุรีที่แอบลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ รวมทั้งแผนผังความเกี่ยวข้อง. ตลอดจนเส้นทางการเงินของขบวนการนี้
โดยในรายของผู้บังคับการจังหวัด ก็จะดำเนินการเอาผิดในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปล่อยประละเลยให้มีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ อีกทั้งปล่อยให้มีการลักลอบนำรถออกไปทางชายแดนโดยผิดกฎหมาย รวมทั้ง ปล่อยให้มีการลักลอบยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งในส่วนนี้จะทราบหรือไม่ ก็ไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องมีเพียงการสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาเท่านั้น
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้ทำมานานกว่า 1 ปี โดยจะมีนายหน้าจากฝั่งไทยและฝั่งพม่า นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนรู้เห็นอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งมีค่าดำเนินการอยู่ที่รายละ 10000-15000 บาท และเมื่อเข้ามาแล้วจะมีการเสียรายเดือนให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฉลี่ยรายละ500-1000 บาท ทั้งนี้ขบวนการดังกล่าวยังมีการอ้างว่าเงินที่ได้จากการลักลอบขนแรงงานแต่ละครั้งจะนำไปให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อเป็นการวิ่งเต้น ให้สามารถคงตำแหน่งในพื้นที่ไว้ได้ ซึ่งจากข้อมูลยังพบอีกว่ามีการขนแรงงานตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ 3 เดือน และ จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีการลักลอบขนอยู่ นอกจากนี้ในพื้นที่ยังพบการกระทำผิดอื่นๆ เช่น การลักลอบขนรถผิดกฎหมายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ยาเสพติด และ สินค้าหนีภาษี
พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้รับเรื่องร้องทุกข์แล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะสอบปากคำ และ ใช้ระยะพิจารณาข้อมูลรวบรวมพยานหลักฐานภายใน 30 วัน ก่อนจะส่งข้อมูลให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไป