แจ้งจับ 'หนุ่มหน้าตา' ฉ้อโกงเหยื่อ 30 ราย สูญเงิน 2 ล้าน

วันนี้ (19 ธันวาคม 2563) ที่กองบังคับการปราบปราม ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 4 คน ที่ถูกชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งอายุ 25 ปี หลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ รวมตัวกันเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ โดยได้นำหลักฐานการสนทนาการซื้อขายสินค้า , คลิปเสียงชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน และพฤติการณ์ก่อเหตุอื่นๆ มายื่นต่อพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

นายธีรดนย์ จิตนาวสาร นักกีฬาเกมอีสปอร์ต เปิดเผยว่า รู้จักกับชายคนนี้ หลังมีรุ่นน้องคนหนึ่งแนะนำให้มาเป็นโค้ชดูแลการฝึก เพื่อเลื่อนระดับชั้น โดยชายคนนี้อ้างว่ามีเส้นสายสามารถพาไปเข้าค่ายบูสท์แคมป์ได้ โดยเสียค่าใช้จ่าย 15,000 บาท หลังตอบตกลง ชายคนนี้ก็มักอ้างเรื่องให้ต้องจ่ายเงินอีกหลายครั้ง จนยอดเงินไปถึง 75,000 บาท ก็เริ่มจ่ายไม่ไหว หลังสอบถามไปยังสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าค่ายฝึก สมาคมก็ยืนยันว่าไม่ได้จัดกิจกรรมที่อ้างแต่อย่างใด และเมื่อนำเรื่องนี้ไปคาดคั้น เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเจตนาฉ้อโกงเงินไป และจะทยอยคืนเงินให้ ซึ่งตนก็ได้รับมาบางส่วน แต่จากนั้นก็เงียบหาย เมื่อทวงถามไปก็จะบ่ายเบี่ยง

ขณะที่นายพรรณเชษฐ์ ปัญญาโชคไพศาล นักแสดง กล่าวว่า รู้จักกับชายคนนี้เพราะเป็นรุ่นน้องที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเห็นว่ามักโพสต์ขายสินค้าอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงที่มีข่าวว่าจะมีการขายไอโฟน 12 ซึ่งตนกำลังสนใจ จึงสอบถามรุ่นน้องคนนี้ ก็บอกว่าสามารถสั่งซื้อจากต่างประเทศได้ในราคา 40,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่ตนต้องการจึงสั่งจองล่วงหน้าไป แต่ทุกครั้งที่มีการติดตามสินค้าก็มักจะบ่ายเบี่ยง และอ้างติดขัดเงินในบัญชีถูกอายัด ต้องใส่เงินให้ครบยอดที่ธนาคารกำหนด จึงขอยืมเงินเพิ่มซึ่งตนก็ให้ไป แต่จนถึงวันที่โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ออกวางจำหน่ายในประเทศไทย ตนก็ยังไม่ได้รับโทรศัพท์มือถือ และมาทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายหลายรายที่ถูกหลอกขายสินค้าเป็นจำนวนมาก เมื่อทวงถามต้องการเงินคืน ก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่สามารถทำได้ และยังท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดีด้วย

ทั้งนี้หลังผู้เสียหายนำชื่อไปตรวจสอบในโลกออนไลน์ ก็พบประวัติเคยฉ้อโกงมาแล้วหลายคดี และพบมีผู้เสียหายปัจจุบันรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ จากการสอบถามในกลุ่ม พบพฤติการณ์หลอกลวงในแบบอื่นๆ อีก เช่น หลอกขายสินค้าแบรนด์เนมแต่ไม่ส่งสินค้าให้ , หลอกร่วมลงทุนทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ , หลอกตีสนิทยืมเงินหญิงสาวผ่านทางแอพพลิเคชันหาคู่ พบความเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลายแสนบาท รวมความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบมีพฤติการณ์บ่ายเบี่ยง ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหรือญาติ หากนำเรื่องนี้ไปแจ้งความหรือโพสต์ประจานลงโซเชียลมีเดีย ส่วนเหตุที่ทำให้แต่ละคดีล่าช้าออกไป เพราะผู้ก่อเหตุพยายามคืนเงินบางส่วน เพื่อให้ผู้เสียหายมีความหวังว่าจะได้เงินที่เหลือกลับคืนมา และหากถูกอายัดเงินในบัญชี ก็จะใช้เรื่องนี้ไปกดดันผู้เสียหายคนอื่น ๆ ว่า ไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ เพราะเงินถูกอายัด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป