ข่าว

"สิงโตฮากกา" มีที่เดียวในนครสวรรค์

"สิงโตฮากกา" มีที่เดียวในนครสวรรค์

20 ม.ค. 2553

ช่วงงานเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ "สิงโตฮากกา" สิงโตที่แสดงอยู่ที่เดียวใน จ.นครสวรรค์ และเหลืออยู่คณะเดียวในเมืองไทย พร้อมโชว์ลีลาเยื้องย่างของเจ้าป่า และการแสดงกังฟูให้คนดูได้ประทับใจ

 นายวิจิตร อัศวรัตน์ ประธานคณะกรรมการจัดงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ ประจำปี 2552-2553 กล่าวถึงความมีชื่อเสียงและโดดเด่นของ "สิงโตฮากกา" ซึ่งเป็นอีกคณะหนึ่งที่จะมาแสดงในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ว่า สิงโตฮากกา เป็นที่รู้จักกันในนาม "สิงโตจีนแคะ" สำหรับในเมืองไทยมีสิงโตฮากกาน้อยมาก เนื่องจาการเชิดสิงโตประเภทนี้จะต้องเป็นกังฟู เพราะจะได้เชิดได้อย่างสวยงาม การเชิดจะเป็นการซ้อมเลียนแบบของสิงโตเจ้าป่า ผสมกับวิชากังฟู ผู้เชิดจะต้องก้าวเท้าด้วยความหนักแน่น มั่งคงดุจการก้าวย่างของพญาราชสีห์ ซึ่งต้องใช้การฝึกซ้อมอย่างหนัก

 ถ้าเป็นในเมืองจีนคณะสิงโตฮากกาจะเป็นคณะที่เป็นกังฟู ทุกคนในคณะจะเป็นมวยหรือใช้อาวุธอย่างหนึ่งอย่างใดในอาวุธ 18 ชนิดของบู๊ลิ้มได้ สอดคล้องกับการอพยพมาจากถิ่นที่จะต้องพร้อมต่อสู้และเผชิญทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ผู้เล่นหัวสิงโตจะต้องใช้ปากคาบดาบ ตัวสิงโตกระโดดข้ามโต้ะไหว้เจ้าสี่เหลี่ยมที่เรียงตามกัน 3 โต๊ะ 5 โต๊ะ จนกระทั่ง 7 โต๊ะได้ การแสดงสิงโตฮากกาเป็นชุดใหญ่ นอกจากจะเป็นการเชิดสิงโตแล้ว ก็ยังเป็นการแสดงกังฟู และเล่นอาวุธต่างๆ ด้วย

 ที่ จ.นครสวรรค นั้นมีสิงโตฮากกามามากกว่า 50 ปีแล้ว โดยอาจารย์ปู่ยี่เจินปั้ก และสานต่อโดยอาจารย์หล่อซินเหมิ่น บุตรชาย ร่วมด้วยอาจารย์เฉินเส้าคุน

 ปัจจุบันอาจารย์ทั้งสามเสียชีวิตไปแล้ว ลูกหลานชาวจีนฮากกาที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย อยู่กันด้วยความผาสุกภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้กลายเป็นชาวไทยเชื้อสายฮากกาไปหมดแล้ว ดังนั้น ปัจจุบันสิงโตฮากกาจึงมีอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หาที่อื่นไม่ได้อีกแล้วในเมืองไทย

 ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ จ.นครสวรรค์ ที่กำลังจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 7-18 กุมภาพันธ์นี้ จะมีสิงโตฮากกา มาโชว์ลีลาการเยื้องย่างแบบเจ้าป่า พร้อมกับการแสดงกังฟู ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

ความเป็นมา "สิงโตฮากกา"  
 ความเป็นมาของการเชิดสิงโตฮากกานั้น มาจากการที่ครั้งหนึ่งแผ่นดินจีนเกิดภัยพิบัติ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ร้อนถึงฮ่องเต้ ต้องหาทางช่วยแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้ให้โหรหลวงดูว่าเกิดอะไรขึ้น และจะมีทางแก้ทางใดบ้าง โหรหลวงจึงบอกว่า การแก้ไขคือจะต้องหาคนไปจับสิงโตมาแห่รอบเมืองหลวง เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายและเหตุภัยพิบัติให้หายไป

 หลังจากนั้น ฮ่องเต้ ได้ประกาศหาผู้กล้า แต่ก็ไม่มีใครอาสามาสักที เนื่องจากเส้นทางที่จะเดินทางไปนั้นอันตราย ต้องผจญกับสัตว์ดุร้าย และปีศาจ จึงเดือดร้อนไปถึงองค์เง็กเซียน (ประมุขเซียน) ส่งซาเซียนลงมารับอาสาไปจับสิงโต โดยนำหญ้าอายุวัฒนะ(เหล่งจือเช่า) กับพัดของเจ้าแม่กวนอิมลงมาด้วย เมื่อเดินทางไปถึงชมพูทวีป ก็ได้พบกับสิงโตตัวหนึ่ง ขนสีทอง ท่วงทีองอาจ อ้วนพี ลักษณะดีมาก เห็นแล้วชอบใจ จึงสยบสิงโตด้วยพัดของเจ้าแม่กวนอิม เมื่อสิงโตสยบแล้ว ก็ตรวจลักษณะโดยละเอียด มีลักษณะเป็นมงคล มีความยาวถึง 3 วา จึงได้หลอกล่อให้สิงโตกินหญ้าอายุวัฒนะ ซึ่งเสกมนตต์กำกับไว้ เมื่อสิงโตกินเข้าไปจึงอยู่ในอำนาจของซาเซียน จึงได้นำไปถวายฮ่องเต้  

 ฮ่องเต้จึงจัดงานฉลองทั่วเมืองแล้วภัยพิบัติต่างๆ พร้อมกับสิ่งไม่ดีก็หายไป ฝนฟ้ากลับมาตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า