สำนักงาน ป.ป.ส. ยืนยันผลตรวจสารเคมีในโกดังที่จังหวัดฉะเชิงเทรากว่า 12 ตัน พบมีเคตามีนเจือปน เพียง 1.2 กรัม ระบุเตรียมดำเนินคดีข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบของกลางที่พบในโกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา น้ำหนักรวมกว่า 12,000 กิโลกรัม หลังผลการตรวจเบื้องต้นพบว่า เป็นเคตามีน และบางส่วนเป็นสารเคมีชนิดอื่น
นายวิชัย เปิดเผยว่า ก่อนที่จะเข้าไปตรวจค้นในโกดังดังกล่าว ได้รับการประสานงานมาจากทางการไต้หวันเมื่อปลายเดือนตุลาคมว่าพบยาเสพติดชนิดเคตามีน 12 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม โดยที่กระสอบระบุว่าเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต จากนั้นได้สืบสวนเส้นทางจนพบว่ายาเสพติดทั้งหมดส่งมาจากประเทศไทย โดยส่งมาจากโกดังที่เข้าไปตรวจสอบ
เมื่อเข้าไปตรวจสอบครั้งแรก เจ้าหน้าที่พบกระสอบบรรจุสารเคมีวางแบ่งเป็น 4 กอง โดยกองแรกจำนวน 66 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,664 กิโลกรัม จุดที่สอง จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนักรวม 5,109 กิโลกรัม และจุดที่สาม จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนัก 5,020 กิโลกรัม โดยผลการตรวจทั้งสามกองนี้พบว่าภายในบรรจุสารเคมีที่ชื่อว่า ไตรโซเดียมฟอสเฟต ไม่พบยาเสพติด
ส่วนจุดที่ 4 มีของกลางที่ต้องตรวจสอบรวม 27 กระสอบ และพบว่ามี 12 กระสอบ ปากถุงมีร่องรอยการเปิดอยู่ และตรวจพบสารเคมีที่ชื่อว่า ไตรโซเดียมฟอสเฟส 15 กระสอบ ส่วนอีก 12 กระสอบ พบสารเคมี แคลเซียมคาร์บอเนต และยังพบยาเสพติดชนิด “เคตามีน” เจือปนอยู่ด้วยน้ำหนักรวม 1.2 กรัม
นายวิชัย ยังระบุว่า จากการนำพยานหลักฐานจากไต้หวันมาเปรียบเทียบก็พบว่า ผู้ที่ลักลอบนำเคตามีนส่งไปไต้หวันมีการเปลี่ยนกระสอบที่โกดังนี้ก่อนส่ง ทำให้มียาเสพติดเจือปนอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สามารถดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องได้ เนื่องจากถือว่าเป็นการครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย เพราะมีน้ำหนักของกลางเกิน 0.5 กรัม
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่เคยพบการลักลอบนำยาเสพติดปะปนกับสารเคมีชนิดอื่นส่งออกไปยังต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาพบเจอเฉพาะการซุกซ่อนในสิ่งของชนิดอื่น หรือพืชผลทางการเกษตร แต่ในครั้งนี้ทำให้เป็นบทเรียนในการตรวจสอบยาเสพติด โดนเฉพาะตามแนวชายแดนหากพบว่ามีสารเคมีชนิดดังกล่าวลักลอบเข้ามาก็จะต้องนำตรวจทางห้องปฏิบัติการก่อน ส่วนสารเคมีทั้งสองชนิดยืนยันว่า ไม่ใช่สารตั้งต้นผลิตยาเสพติด แต่นำมาใช้ในอุตสากรรมทั่วไป
ขณะที่พลตำรวจตรีชาตรี ไพศาลศิลป์ ที่ปรึกษาสำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า การดำเนินคดีหลังจากนี้หลังจากที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร้องทุกข์ให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินคดีและสืบสวนผู้ที่ลักลอบนำยาเสพติดส่งออกไปไต้หวันแล้ว ซึ่งเป็นคดีระหว่างประเทศที่ต้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดมาร่วมทำคดี และอีกคดีคือการครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย หลังผลการตรวจสอบทั้งหมดพบเคตามีน 1.2 กรัม
พร้อมยืนยันว่า ผลการตรวจสอบที่พบแม้จะมีเพียงยาเสพติดเพียงเล็กน้อย จากของการที่ยึดไว้ตรวจสอบกว่า 1 หมื่น กิโลกรัม ก็ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้ต้องหา เพราะการตรวจสอบเป็นไปด้วยความละเอียดแล้ว ส่วนที่เป็นการเจอปนของสารเสพติดนั้น น่าจะเป็นผลมาจากการสับเปลี่ยนกระสอบก่อนที่จะขนส่งออกไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง