แก๊งเงินกู้ สุดโหด ตบยับสาวพีอาร์

โลกโซเชียล ได้มีการแชร์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่ชายสูงอายุรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้ ได้เดินเข้ามาที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม

 พร้อมด้วยหญิงสาวสวมใส่เสื้อสีขาวอีกคน ก่อนที่จะเข้าไปกระชากผมเหยื่อสาวพีอาร์ ที่กำลังทำงานอยู่ขอบสนาม แล้วลากออกมาที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าทางเข้า

 ทั้งนี้ เมื่อชายคนดังกล่าว ได้ใช้มือจิกผมของเหยื่อสาวรายนี้ออกมาที่บริเวณลอดจอดรถแล้ว ได้หยิบอาวุธปืนสั้น สีดำออกมาทุบที่ใบหน้าและศีรษะของหญิงสาวรายนี้ ท่ามกลางสายตาของประชาชนที่มาออกกำลังกาย ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ก่อนที่ชายดังกล่าวจะลากสาวพีอาร์มานั่งกับพื้น  แล้วบังคับให้กราบเท้า พร้อมทั้งใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้า และลำตัวของเหยื่อสาวนี้ จนเหยื่อถึงกับกระเด็นหงายหลัง พร้อมกับร้องขอความเมตตา และอ้อนวอน โดยยกมือไหว้ขอชีวิต แต่ชายดังกล่าวก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำร้ายแต่อย่างใด  

 จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 นาที ก็มีชายสวมใส่ชุดกีฬาสีน้ำเงิน ทราบภายหลังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเหลือ ก่อนจะแจ้งสายตรวจเข้ามาควบคุมตัวชายดังกล่าวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 12 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา

 อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุ น.ส.น้ำหวาน (นามสมมติ) ซึ่งตกเป็นเหยื่อของแก๊งเงินกู้รายดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้กู้เงินนอกระบบ จำนวน 130,000 บาท มาจากนายสม (นามสมมติ) อายุประมาณ 42 ปี ซึ่งก็คือชายที่อยู่ในคลิปและรูปภาพ โดยตนเองทำงานเป็นพีอาร์ อยู่ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ในจังหวัดขอนแก่น

 ก่อนเกิดเหตุได้มีการพูดคุยกับนายสม ว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินจ่าย และกำลังทำงานเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ โดยยืนยันว่าจะจ่ายเงินคืนให้อย่างแน่นอน และไม่ได้คิดหลบหนี ซึ่งสามารถติดต่อตนเองได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้เจ้าหนี้รายนี้ได้รับทราบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่คิดหลบหนี

 “ต้นเดือน ธ.ค.ก็จ่ายไป 5,000 บาท และสิ้นเดือนตั้งใจจะจ่ายให้อีก 10,000 บาท แต่นายสม ต้องการให้จ่ายเดือนละ 15,000-20,000 บาท พร้อมกับลงมือทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีก เพราะเสียโฉม บาดเจ็บ บอบช้ำไปทั้งตัว”

 ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็ได้ไปให้ปากคำและแจ้งความดำเนินคดีกับนายสม  โดยยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเป็นคนละเรื่องกับที่ตนเองติดหนี้ ซึ่งตนเองยืนยันว่าจะหาเงินมาคืนให้ทั้งหมด