ข่าว

อ้างร่างทรงตุ๋นเงินเหยื่อ 42 ล้าน

อ้างร่างทรงตุ๋นเงินเหยื่อ 42 ล้าน

13 ธ.ค. 2563

สาวใหญ่ร้องทนายรณณรงค์ ถูกแก๊ง2สามีภรรยาเข้ามาตีสนิทพูดคุย ออกอุบายชวนลงทุน อ้างเป็นร่างทรงติดต่อวิญญาณ หลอกซื้อบ้าน ลงทุนออนไลน์ สูญเงินกว่า 42 ล้านบาท หวั่นผู้ต้องหารู้ตัวทำลายหลักฐาน โยกย้ายทรัพย์สิน ทนายดัง เผยให้ผู้เสียหายกลับไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม

 

มิจฉาชีพอาละวาดหลอกตุ๋นเงินเหยื่อจำนวนหลายสิบล้าน รายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นโดย นางสาวกันย์ลภัส  (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ขอให้ช่วยเหลือในคดีถูกฉ้อโกง โดยต้องการให้ประสานพนักงานสอบสวนสน.คันนายาว เร่งรัดคดี ออกหมายเรียกผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งสำนวนฟ้องอัยการโดยเร็วที่สุด เพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาจะรู้ตัวและทำลายหลักฐาน โยกย้ายทรัพย์สินให้กับบุคคลภายนอก โดยมีบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลือ

 

 

สำหรับคดีที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2559 ผู้ต้องหาทั้งสองคนซึ่งเป็นสามีภรรยา ได้เข้ามารู้จักผู้เสียหายผ่านทางเพื่อนจนกระทั่งเกิดความคุ้นเคยกัน จนกระทั่งได้ขอยืมเงินครั้งแรกจำนวน300,000 บาท โดยให้เหตุผลลงทุนซื้ออาหารเลี้ยงปลา โดยจะคืนให้เป็นรายเดือนพร้อมค่าตอบแทน แต่เมื่อถึงเวลาทั้งคู่กลับนิ่งเฉย ผู้เสียหายได้ทวงถามมาตลอด แต่ถูกบ่ายเบี่ยง และยังมีการใช้กลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่ม

 

โดยมีการสร้างเรื่องราวให้หลงเชื่อ ทั้งในเรื่องอวดคุณวิเศษ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยมีการอ้างว่าตัวเองเป็น ร่างทรงพระชื่อดัง จังหวัดนครปฐม และสามารถติดต่อวิญญาณได้ รวมถึงอ้างว่าสามารถติดต่อกับทวด ย่าทวด ครูบาอาจารย์และพระเกจิต่าง ๆที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะต้องทำตามที่ร่างทรงดังกล่าวร้องขอ โดยที่ผ่านมาจะมีการโอนเงินให้สองสามีภรรยา รวมถึงมีการโอนไปยังบุคคลที่ 3 อีกด้วย

 

สำหรับจำนวนเงินที่สูญเสียไปตลอดตั้งแต่ปี 2559 จนถึง 2563 ความเสียหายทั้งหมด 42 ล้านบาทเศษ โดยผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกและฉ้อโกงเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา โดยหลอกให้ซื้อบ้าน และมีการนำโฉนดที่ดินที่นำมาจำนองกับผู้เสียหาย ก่อนนำไปจำนองกับบุคคลอื่นอีกด้วย และยังหลอกให้ลงทุนซื้อที่ดิน 52 ไร่ในพื้นที่เขตหนองจอก โดยอ้างว่าซื้อที่ดินแปลงนี้ในระยะยาวจะทำผลกำไรเป็นอย่างสูง โดยโอนเงินไปทั้งหมดกว่า 5ล้านบาท แต่ข้อเท็จจริงคือไม่มีการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวกับเจ้าของแต่อย่างใด และยังมีการหลอกลงทุนซื้อเครื่องจักร อ้างช่วยวิ่งเต้นทางด้านคดี รวมถึงหลอกลงทุนในระบบออนไลน์ สูญเงินไปจำนวนมาก

 

อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 5 ปี ถูกกลุ่มผู้ต้องหาสองสามีภรรยาเข้ามาตีสนิทโดยมีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก มีการวางแผนและเตรียมการมาเป็นอย่างดี เพราะรู้ตัวผู้เสียหายมีจุดอ่อนที่หลอกง่าย มีเงิน และอยู่กับลูกสาวตามลำพัง โดยมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 42 ล้านบาทด้วยกัน

 

ขณะที่ทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นวันนี้ยังต้องให้ผู้เสียหายกลับไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อน เพราะยอดเงินตั้งแต่ปี 2559-2563 รวมแล้วหลายล้านบาท ซึ่งในทางกฎหมายต้องนำหลักฐานมาประกอบสำนวนคดีต่อไป