"ไบรท์" แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เดินทางถึงสภ.เมืองนนทบุรี ขณะที่กลุ่มมวลชนพร้อมรถขยายเสียงขึ้นปราศรัยสลับกันเป็นระยะ เจ้าตัวเผยเปิดตัว RT MOVEMENT เป็นเรื่องสวยงามทางประชาธิปไตย ขณะที่ทราย เจริญปุระ รุดให้กำลังใจด้วย
วันที่ 8 ธันวาคม นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งที่ในผู้ที่ถูกออกหมายเรียกเดินทางมาถึงสภ.เมืองนนทบุรี เป็นคนแรกส่วนแกนนำคนอื่นที่ถูกออกหมายเรียกเช่นเดียวกันยังเดินทางมาไม่ถึงจึงยังไม่ได้มีการดำเนินการขั้นตอนในการรับทราบข้อกล่าวหา
โดยขณะที่บริเวณทางเข้า สภ.นนทบุรี ได้มีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่งได้มาคอยให้กำลังใจแกนนำพร้อมนำรถขยายเสียงขึ้นปราศรัยสลับสับเปลี่ยนกันเป็นระยะ
ทั้งนี้ นายชินวัตร เปิดเผยว่า การชุมนุมที่ผ่านมามีความหลากหลายและทุกคนต่างยอมรับว่าแนวทางที่ออกมาต่อสู้สามารถเรียกร้องได้ ซึ่งการเปิดตัว RT MOVEMENT (ทีมข้อเดียวมูฟเมนท์)นั้น ผลลัพธ์ยังแสดงออกมาไม่เต็มที่เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่มองเป็นเรื่องดีที่งดงามหลากหลาย และเป็นความสวยทางประชาธิปไตยมากกว่า ซึ่งต้องแย่งกันคิด ช่วยกันตีและช่วยกันลงมือทำ ตนเชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนทุกคนจะเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ขณะที่การเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ทราบว่าเป็นการชุมนุมกันในวันที่ 10 ก.ย.2563 ซึ่งเป็นการสลับกันปราศรัย มีแสดงต่างๆ โดยหัวหมายเรียกขึ้นชื่อตนเอง และพวกอีก 5 คน ทำความผิด “อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกประกาศทางเฟซบุ๊กว่าจะไม่มีการฝากขัง ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรพูดเรื่องดังกล่าว เพราะในหลักความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องมีใครถูกตั้งข้อกล่าวหามาตรา 112 นี้
ขณะที่ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคดีมาตรา 112 วันนี้ ส่วนตัว ตนเองยังมีข้อสงสัยคือจะทำอย่างไรต่อไป เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าในวันปราศรัยของการชุมนุมโดยเฉพาะแกนนำ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 มีเนื้อหาหรือข้อความใดบ้างที่เข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ในส่วนของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ตอนนี้ยังไม่มีข้อห่วงใยใด ๆ แต่จะเตรียมการคัดค้านการฝากขัง และทำหน้าที่ทนายความโดยแนะนำในข้อกฎหมายต่าง ๆ ให้กับแกนนำและผู้ชุมนุม หลังจากถูกดำเนินคดี
ส่วนประเด็นที่ตำรวจจะใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นกับแกนนำ ทนายกฤษฎางค์ มองว่า มาตรานี้ไม่ได้ใช้มานานแล้ว แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ยาแรงกับผู้ชุมนุม ตำรวจก็ปฏิบัติตาม จึงอยากขอให้ตำรวจและพนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมในการนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีมาพิสูจน์ความผิด ซึ่งการปฏิรูปสถาบันไม่ถือว่าเป็นการอาฆาตมาดร้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง