ข่าว

รู้จัก "หมึกบลูริง" พิษอันตรายถึงตายแม้กินปรุงสุก พบได้ที่ไหน หากโดนพิษต้องทำอย่างไร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำความรู้จัก "หมึกบลูริง" อันตรายถึงตายแม้กินปรุงสุก พบได้ที่ไหน หากโดนพิษต้องทำอย่างไร หลังมีการพบหมึกบลูริงเสียบไม้ปิ้งขายในตลาดนัด จ.ปทุมธานี

กรณีโลกออนไลน์ พบหมึกบลูริงเสียบไม้ปิ้งขายในตลาดนัด จ.ปทุมธานี ซึ่งในเวลาต่อมา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ย้ำเตือน ปชช. บอกว่า พิษของหมึกบลูริงที่ความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนหากพบเห็นให้รีบหลีกเลี่ยง ห้ามสัมผัสและบริโภคเด็ดขาด 

 

นอกจากนี้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เตรียมประสานทุกจังหวัดทั่วประเทศ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของหมึกบลูริง หากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที

อ่านข่าว : "ปลัดจตุพร"สั่ง"กรมทะเล"แจ้งด่วนทุกจังหวัด กินหมึกบลูริงพิษถึงตาย "วราวุธ"ห่วงใยสั่งให้ขยายผลถึงปักเป้าและแมงกระพรุน

 

 

รู้จัก "หมึกบลูริง" พิษอันตรายถึงตายแม้กินปรุงสุก พบได้ที่ไหน หากโดนพิษต้องทำอย่างไร

 

ขณะเดียวกัน ศูนย์พิษวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ หมึกบลูริง หรือ หมึกสายวงสีน้ำเงิน โดยระบุว่า หมึกชนิดนี้มีสารพิษที่มีความร้ายแรงมากผสมอยู่ในน้ำลาย ผู้ที่ถูกกัดอาจตายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง นับเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

 

สารพิษของหมึกสายวงน้ำเงินนั้น เรียกว่าเตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากเตโตรโดท็อกซินมีอัตราตายสูงถึง 50 - 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าผู้ป่วยยังมีชีวิตรอดหลังได้รับพิษแล้ว 24 ชั่วโมง พบว่ามีอัตราการรอดชีวิตสูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

 

พิษที่เกิดจากหมึกสายวงน้ำเงินกัดจะเกิดอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีหลังถูกกัด (แต่จะนานอย่างน้อย 15 นาทีถ้าเกิดจากการกินปลาปักเป้า) โดยเริ่มจากการชาบริเวณริมฝีปาก ลิ้น ต่อมาชาบริเวณใบหน้า แขนขาและเป็นตะคริวในที่สุด น้ำลายไหลคลื่นไส้ อาเจียน มีอาการท้องเสียร่วมกับปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

จากนั้นกล้ามเนื้อจะเริ่มทำงานผิดปกติ อ่อนแรง ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษปริมาณมาก ระบบประสาทส่วนกลางจะไม่ทำงาน หายใจไม่ออกเนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าอกไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถนำอากาศเข้าสู่ปอดได้ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 4 - 6 ชั่วโมงแต่ก็มีรายงานการเสียชีวิตเร็วที่สุดหลังจากได้รับพิษไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น

 

- เราจะพบหมึกชนิดนี้ได้บ่อยไหม

 

หมึกสายวงน้ำเงินมีการผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวตลอดวงจรชีวิต เพศผู้จะตายหลังจากการผสมพันธุ์ เพศเมียจะวางไข่ติดกันเป็นพวง จำนวน 20-300 ฟองไข่จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์ และใช้เวลาประมาณ 2 - 3 เดือนเจริญเป็นตัวเต็มวัยโดยมีอายุขัยประมาณ 1 ปี

 

ในเวลากลางวันหมึกสายวงน้ำเงินมักพักหลบอยู่ตามโพรงหินหรือเปลือกหอย แล้วจึงออกหากินในเวลากลางคืน ชอบเคลื่อนที่ไปตามพื้นหน้าดินเพื่อหากุ้งและปูเป็นอาหารมากกว่าที่จะว่ายน้ำเช่นหมึกชนิดอื่น

 

ปัจจุบันทั่วโลกพบหมึกสายวงน้ำเงินทั้งหมด ประมาณ 4 ชนิด สำหรับในประเทศไทยมีรายงานการพบหมึกสายวงน้ำเงิน สกุล Hapalochlaena maculosa ในน่านน้ำไทยทั้งทางฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย

อ่านข่าว : เตือนภัย จะซื้อปลาหมึกกิน สังเกตให้ดี ไม่งั้นอาจถึงชีวิต แม้ปรุงสุกพิษก็ไม่สลาย

 

รู้จัก "หมึกบลูริง" พิษอันตรายถึงตายแม้กินปรุงสุก พบได้ที่ไหน หากโดนพิษต้องทำอย่างไร

 

- ความต่างจากหมึกทั่วไป

 

หมึกสายวงน้ำเงินหรือ หมึกบลูริง เป็นหมึกยักษ์จำพวกหนึ่งแต่มีขนาดเล็กตัวเต็มวัยมีขนาดลำตัวประมาณ 4 - 5 เซนติเมตร มี 8 หนวด แต่ละหนวดยาวประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร หมึกสายวงน้ำเงินมีจุดเด่นที่ต่างจากหมึกทั่วไปตรงที่มีลวดลายเป็นวงแหวนสีน้ำเงิน กระจายตามลำตัวและหนวด 

 

ซึ่งจะตัดกับสีของลำตัวที่ออกเป็นสีเหลืองน้ำตาลอย่างชัดเจน วงแหวนสีน้ำเงินเหล่านี้สามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม เนื่องจากหมึกชนิดนี้มีสีสวยงาม และมีขนาดไม่ใหญ่มากจึงเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบในการเลี้ยงปลาสวยงาม และสัตว์แปลกๆ ในหลายๆประเทศ

 

สำหรับ หมึกชนิดนี้มีรายงานในประเทศอยู่บ้าง โดยเฉพาะแถวประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร อย่างไรก็ตาม หมึกชนิดนี้เป็นหมึกที่อยู่ตามพื้นทะเล ในเมืองไทยไม่เคยมีรายงานว่าพบตามชายหาดที่มีคนเล่นน้ำ โดยแม้แต่ตามพื้นทะเล สำรวจพบอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะจนพบบ่อยทั่วไป 

 

อาจพบได้โดยนักดำน้ำบริเวณด้านนอกแนวปะการัง จึงไม่ต้องตื่นตกใจ โดยพิษของหมึกชนิดนี้มาจากการกัด ไม่ควรจับเล่น หรือโดนตัว และนำมาประกอบอาหาร เนื่องจากพิษของหมึกไม่สลายแม้โดนความร้อน

 

 

รู้จัก "หมึกบลูริง" พิษอันตรายถึงตายแม้กินปรุงสุก พบได้ที่ไหน หากโดนพิษต้องทำอย่างไร

 

 

สำหรับสารพิษของหมึกสายวงน้ำเงินนั้น เรียกว่าเตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า ทั้งนี้เตโตรโดท็อกซินที่พบทั้งในหมึกสายวงน้ำเงินและปลาปักเป้าไม่ได้ถูกสร้างจากภายในตัวของพวกมันเอง เพราะสัตว์เหล่านี้ไม่มียีนที่ควบคุมการสร้างพิษนี้ 

 

มีการศึกษาพบว่าพิษนี้สร้างจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น แบคทีเรียในวงศ์ Vibrionaceae, Pseudomanas sp.,Photobacterium phosphorium ฯลฯ ที่อาศัยอยู่ในตัวสัตว์แบบพึ่งพา (symbiosis) โดยที่แบคทีเรียอาศัยตัวสัตว์เป็นที่อยู่และแหล่งอาหาร ส่วนสัตว์ได้พิษจากแบคทีเรียไว้เป็นอาวุธป้องกันตัวและล่าเหยื่อ

 

- หากโดนพิษ เบื้องต้น ทำอย่างไร

 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นต้องหาวิธีนำอากาศเข้าสู่ปอด เช่น เป่าปาก จากนั้นต้องรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าช่วยชีวิตเป็นผล ผู้ป่วยจะฟื้นเป็นปกติภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ว่าจะขาดอากาศนานเกินไปจนทำให้สมองตาย 

 

สำหรับผู้ที่ได้รับพิษจากหมึกสายวงน้ำเงินควรทำการปฐมพยาบาลในทันทีหลังถูกกัด โดยใช้เทคนิคการกดรัดและตรึงอวัยวะส่วนนั้นไม่ให้เคลื่อนไหว เพื่อทำให้พิษไม่แพร่กระจายเข้าระบบไหลเวียนโลหิต โดยใช้ผ้าพันจากอวัยวะส่วนปลายไล่มาจนถึงบริเวณเหนือแผลที่ถูกกัด ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขาให้ใช้วัสดุไม้ดามไว้ด้วย 

 

ถ้าถูกกัดบริเวณลำตัวในกรณีที่พันได้ให้พันด้วยแต่อย่าให้แน่นจนทำให้หายใจลำบาก และไม่ควรกรีดปากแผลที่ถูกกัดเพราะจะทำให้พิษกระจายมากขึ้นเทคนิคนี้เป็นการซื้อเวลาเพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล สำหรับผู้ที่รับประทานปลาปักเป้านั้น ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

 

 

 

ข้อมูลจาก ทรัพยากรชายฝั่งทะเลและชายฝั่ง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ