สนั่นสื่อสังคมออนไลน์ไต้หวัน กรณีช่วยชีวิตเพื่อนร่วมงานด้วยการปั๊มหัวใจ แต่อีกฝ่ายต่อว่าทำหน้าอกเป็นรอยช้ำแถมขู่ฟ้องอีกต่างหาก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน สตรีไต้หวันจากเมืองเกาสงที่ได้รับการเปิดเผยนามสกุล ว่า ชู ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ที่เกิดไม่สบายชักเกร็ง และเป็นลมหมดสติ หลังนำตัวขึ้นรถพยาบาลได้ 2 นาที จู่ๆ เพื่อนร่วมงานหัวใจหยุดเต้น กว่าจะถึงโรงพยาบาลต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 20 นาที และเนื่องจากไม่มีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ ชู ซึ่งเคยผ่านการอบรมได้ใบประกาศนียบัตรด้านเทคนิคการแพทย์ฉุกเฉินมาก่อนและขึ้นรถพยาบาลไปกับผู้ป่วยด้วยสาเหตุนี้ จึงช่วยทำซีพีอาร์ให้กับเธอ ใช้เวลาราว 15 นาที เพื่อนร่วมงานจึงรู้สึกตัว ชูกล่าวว่า เธอแทบหมดแรงและมีเหงื่อท่วมตัว หลังจากกดนวดหน้าอกเป็นเวลานาน แต่เธอไม่ท้อ เพราะต้องการช่วยชีวิต
หนึ่งเดือนผ่านไป แทนที่จะขอบคุณ เพื่อนร่วมงานที่ตอนนี้เป็นอดีตหลังจากลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ ได้ส่งข้อความถึงเธอ กล่าวหาเป็นชุดว่าเพราะทำซีพีอาร์แบบผิดๆ จึงเกิดรอยช้ำบนหน้าอก ที่แขนและสะเทือนถึงหัวใจ แถมขู่จะฟ้องดำเนินคดีด้วย
ตอนหนึ่งของการโต้ตอบกัน ชู เขียนว่า “ถ้ารู้ว่าเธอจะไม่สำนึกขอบคุณและหยาบคายได้ขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ทำซีพีอาร์ให้กับเธอแน่” อีกฝ่ายตอบกลับว่า “ฉันไม่ได้ติดค้างบุญคุณอะไรเพราะเธอไม่ได้ทำ”
อดีตเพื่อนร่วมงานแนบรูปแผลฟกช้ำที่หน้าอก ถามว่า “ใช้แรงขนาดไหนแผลจึงใหญ่ขนาดนี้” ชูตอบว่า “เธอกำลังโทษฉันที่ใช้แรงมากเกินไประหว่างซีพีอาร์งั้นเหรอ” ก่อนเสริมในทำนองว่า โชคดีแค่ไหนแล้วที่กระดูกซี่โครงไม่หัก
เพื่อนร่วมงานบอกว่า เป็นเบาหวาน กลัวว่าแผลจะติดเชื้อลุกลามจนต้องตัดแขน ชูก็ตั้งคำถามว่า ระหว่างรอยฟกช้ำกับชีวิตของเธออย่างไหนสำคัญกว่ากัน เท่านั้นไม่พอ เพื่อนร่วมงานยังขู่จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ช่วยชีวิต โดยระบุว่า “เธอกดแรงเกินไป จนฉันมีปัญหาที่หัวใจ ฉันขอให้หมอรับรองได้นะว่าเธอทำฉันบาดเจ็บระหว่างซีพีอาร์”
ตอนหนึ่งของแชทตอบโต้ คำแปลจาก mothership
ชูโกรธจัด และตัดสินใจนำข้อความทั้งหมดมาโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก เมื่อ 24 พ.ย. โดยระบุด้วยว่า หากเพื่อนร่วมงานฟ้องเธอจริง ทุกคนในไต้หวันก็ลืมทักษะการปฐมพยาบาลไปได้เลย เพราะคนบางคนไม่มีสำนึกที่ได้รับความช่วยเหลือแม้แต่น้อย
ชาวเน็ตจำนวนมากเข้าข้างชู หลายคนรู้ว่า การบาดเจ็บจากการทำซีพีอาร์ เช่น รอยฟกช้ำหรือกระดูกซี่โครงร้าว เป็นเรื่องปกติ เพราะต้องใช้แรงกดเร็วๆและหนักมากเพียงพอ
อย่างไรก็ดี ต่อมา ลุงของคู่กรณีที่ดูแลหลานสาวคนนี้มาตั้งแต่เล็ก ได้ติดต่อขอโทษแทน และอธิบายว่าอดีตเพื่อนร่วมงานของชู อยากมีลูกมานาน และเพิ่งตั้งครรภ์จากทำเด็กหลอดแก้ว จึงวิตกมากเกินไปว่าเธออาจสูญเสียลูก และหลังจากที่ส่งข้อความไปต่อว่าผู้ช่วยชีวิตจนเป็นข่าวแพร่ออกไป หลานสาวก็มีปัญหาระหองระแหงในครอบครัว และตัวเขาเองเพิ่งรู้เรื่องจากสามีของเธอ
ถึงอย่างนั้น ชูคิดว่า อดีตเพื่อนร่วมงานควรรับผิดชอบการกระทำด้วยตัวเอง เธอเองยังรู้สึกเจ็บใจไม่หายกับข้อความของอีกฝ่าย เช่น “มีใบอนุญาตแล้วหรือไง ยังไงก็ไม่ใช่บุคลากรการแพทย์” ชู บอก ET Today ว่า "งงมากว่าทำไมเพื่อนร่วมงานมาต่อว่า เธอ(เพื่อนร่วมงาน) เป็นเบาหวานประเภท 1 ต้องผสมเทียมเพื่อตั้งครรภ์ พิลึกมาก ถ้าหัวใจหยุดเต้น ฉันก็จะต้องกดนวดหน้าอกเพื่อให้ทารกมีชีวิตรอดด้วยเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
อย่างไรก็ดี ไต้หวัน มีกฎหมายบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ระบุชัดว่า ไม่สามารถฟ้องเอาผิดผู้ที่ช่วยปฐมพยาบาล หรือใช้อุปกรณ์กู้ชีพฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตคน พ้นจากอันตรายถึงแก่ชีวิตเฉพาะหน้าได้
ที่มา AsiaOne mothership
ข่าวที่เกี่ยวข้อง