ข่าว

"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" ปั้นโมเดล "ถูกดี มีมาตรฐาน" ยกระดับโชห่วยไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" ปั้นโมเดล "ถูกดี มีมาตรฐาน" ยกระดับโชห่วยไทย  พัฒนาร้านค้าให้มีระบบการบริหารจัดการที่ดี หน้าร้านที่สวยงาม ทันสมัย โดยเข้าไปช่วยลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับเจ้าของร้าน  

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทดลองพัฒนาคอนเซ็ปต์ร้านค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ “ถูกดี มีมาตรฐาน” ตั้งแต่ปี 2562 โดยเริ่มต้นสาขาแรกที่จังหวัดนครปฐม ก่อนขยายไปยังขอนแก่น และพิษณุโลก โดยผนึกความร่วมมือกับร้านขายของชำ หรือโชห่วยต่างๆ เข้าไปช่วยพัฒนาร้านค้าให้มีระบบการบริหารจัดการที่ดี หน้าร้านที่สวยงาม ทันสมัย โดยเข้าไปช่วยลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับเจ้าของร้าน คิดเป็นงบลงทุนกว่า 1 ล้านบาทต่อร้าน ขณะที่เจ้าของร้านจะลงทุนในส่วนอื่นๆ อาทิ ปรับปรุงฝ้าร้าน และงโครงสร้างอื่นๆ ของร้าน ฯลฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 แสนบาท  

 

"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" ปั้นโมเดล "ถูกดี มีมาตรฐาน" ยกระดับโชห่วยไทย


          

โมเดลของร้านถูกดี มีมาตรฐาน ถือเป็น “โลว์คอส คอนวีเนียนสโตร์” โดยมีคอนเซ็ปต์การจัดการร้านค้าใกล้เคียงกับร้านโชห่วย แต่เป็นการยกระดับโชห่วยของไทยสู่ร้านสะดวกซื้อที่ทันสมัย โดยเปิดกว้างในการเป็นพันธมิตรร่วมกับร้านโชห่วยทั่วประเทศ
         

จากการเปิดตัวมากกว่า 1 ปี พบว่ามีร้านค้าสนใจติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับร้านโชห่วยของชาวบ้านให้เป็นร้านถูกดี มีมาตรฐาน แล้วกว่า 200 สาขา และตั้งเป้าภายในปี 2564 จะสามารถขยายเป็น 5,000 สาขา และเพิ่มเป็น 10,000 สาขาในปี 2565 และ 30,000 สาขาภายใน 5 ปีจากนี้         

              

ยุทธศาสตร์หลักจะเป็นการเจาะลึกเข้าไปในระดับหมู่บ้าน ในชุมชนเล็กๆ ที่คู่แข่งไม่ไป ซึ่งจากการไปโรดโชว์พบว่าได้รับความสนใจจากร้านค้าต่างๆ จำนวนมาก จึงมั่นใจว่าจะสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วหลังจากนี้
           

"เสถียร เศรษฐสิทธิ์" ปั้นโมเดล "ถูกดี มีมาตรฐาน" ยกระดับโชห่วยไทย

 

 

“สิ่งที่เรากำลังทำ หากสามารถเปิดร้านถูกดี มีมาตรฐานได้ 3 หมื่นสาขาใน 5 ปี ไม่เพียงส่งผลต่อ 3 หมื่นร้านค้านี้เท่านั้น แต่จะส่งผลต่อคนเป็นแสนๆ ครอบครัว ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้ ทำให้เขามีรายได้ที่มั่นคง ให้เขาอยู่ได้” นายเสถียรกล่าว
          

นายเสถียร กล่าวอีกว่า สำหรับรายได้ของธุรกิจนี้ เป็นการแบ่งสัดส่วนรายได้กับร้านค้า โดยร้านค้า 85% และบริษัท 15% เนื่องจากต้องการให้ร้านค้าอยู่ได้เป็นหลัก ซึ่งจากการเข้าไปพัฒนาร้านโชห่วยต่างๆ พบว่า ทุกร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น สามารถดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น ส่วนสำคัญมาจากประสบการณ์ และความเข้าใจของบริษัท ในการบริหารร้านค้าปลีกจากประสบการณ์ในการบริหารร้าน “ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต”
         

มากกว่านั้น จากความร่วมมือกับร้านโชห่วยต่างๆ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ทำให้มีความรู้จักกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ เป็นอย่างดี เป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และผู้บริโภค นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีความแตกต่างจากร้านค้าปลีกอื่นๆ ยังเป็นเรื่องของสินค้าที่บริษัทเลือกเข้ามาจัดจำหน่าย นอกจากสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปแล้ว ยังเน้นนำสินค้าท้องถิ่นชื่อดัง หรือมีจุดเด่นที่น่าสนใจ นำเข้ามาจำหน่ายในร้าน เพื่อเพิ่มจุดขาย และสร้างความแตกต่างจากร้านค้าอื่นๆ  
        

“เดิมโชห่วยที่เข้ามาร่วมกับเรา จะมียอดขายเฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อวัน แต่หลังจากที่เราเข้าไปช่วยปรับเป็นร้านถูกดี มีมาตรฐาน พบว่าแต่ละร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าต่อวันต้องทำยอดขายให้ได้เฉลี่ย 15,000 บาท นั่นเป็นตัวเลขที่จะทำให้เขาอยู่ได้และมีกำไร และอนาคตจะผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาทต่อวัน” นายเสถียร กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ