ข่าว

ปอท.รวบ 2 ผัวเมีย อ้างเป็นเอเย่นต์สาวไซด์ไลน์แบล็คเมล์เหยื่อรีดทรัพย์

ปอท.รวบ 2 ผัวเมีย อ้างเป็นเอเย่นต์สาวไซด์ไลน์แบล็คเมล์เหยื่อรีดทรัพย์

18 พ.ย. 2563

ปอท. แถลงจับสามี-ภรรยา อ้างเป็น เอเย่นสาวไซด์ไลน์ หลอกโอนเงินผู้เสียหาย แอบบันทึกภาพการสนทนา ก่อนแบล็คเมล์ขู่ให้โอนเงิน พบมีผู้เสียหายกว่า 100 คน รวมความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

18 พ.ย.63 พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. แถลงผลการจับกุม นายปรีชา จันธรท้าว และนางสาวพรธิภา ทับฤทธิ์  2 สามี-ภรรยา ที่อ้างตัวเป็นเอเย่นสาวไซด์ไลน์ หลอกข่มขู่ผู้เสียหายโอนเงิน จนมีผู้เสียหายกว่า 100 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

                            ปอท.รวบ 2 ผัวเมีย อ้างเป็นเอเย่นต์สาวไซด์ไลน์แบล็คเมล์เหยื่อรีดทรัพย์

พันตำรวจเอกศริวัฒน์ เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งแจ้งความมาที่ ปอท. ว่าถูกเอเย่นสาวไซด์ไลน์ข่มขู่ให้โอนเงิน หากไม่ยินยอมจะส่งภาพการสนทนาติดต่อซื้อบริการไปให้กับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน ฝ่ายสืบสวนจึงเริ่มรวบรวมข้อมูล ทดลองนำบัญชีไลน์ติดต่อหาผู้ต้องหา ก็จะได้รับคำแนะนำจากระบบอัตโนมัติ ให้เลือกสถานที่ , ภาพหญิงสาวหน้าตาดีจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพพริตตี้ , ครู , นักศึกษา และนักเรียนมัธยม หากสนใจก็จะเรียกให้โอนเงินครึ่งหนึ่ง พร้อมค่าบริการ 350 บาท หากโอนไปก็จะนัดแนะให้ไปที่โรงแรมซึ่งอ้างว่าได้นัดสาวไปให้บริการ โดยระหว่างนั้นก็จะบล็อคไอดีผู้เสียหายทันที แต่หากไม่โอนเงินไปให้ ก็จะเริ่มข่มขู่ว่าจะส่งภาพการสนทนาไปให้คนที่ผู้เสียหายรู้จัก บางรายถูกข่มขู่ให้โอนเงินต่อเนื่องหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 1 หมื่นบาท

ส่วนการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 รับว่า ก่อเหตุหลอกลวงจริง โดยวิธีการได้ศึกษาข้อมูลมาจากการซื้อบริการทางเพศผ่านช่องทางออนไลน์ ประกอบกับคาดเดาและเชื่อว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่จะไม่กล้าแจ้งความ จึงหลอกลวงในลักษณะนี้มานานหลายปี ส่วนเงินที่ได้มาก็นำไปใช้จ่ายทั่วไป เพราะไม่มีงานประจำ

                                         ปอท.รวบ 2 ผัวเมีย อ้างเป็นเอเย่นต์สาวไซด์ไลน์แบล็คเมล์เหยื่อรีดทรัพย์

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าในระยะเวลาเพียง 5-6 เดือน มีผู้เสียหายหลงเชื่อขอซื้อบริการกับผู้ต้องหาไปกว่า 60 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะถูกหลอกให้โอนเงินประมาณ 700 ถึง 1,000 บาท หลังจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่ามีพฤติการณ์หลอกลวงแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผล ขณะที่จากการตรวจสอบยังพบว่า มีผู้เสียหายกระจายอยู่ทั่วประเทศ และส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากอับอาย ตำรวจจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหาไม่ให้กลับไปกระทำความผิดซ้ำ ส่วนหญิงสาวรายใดที่ถูกนำภาพไปใช้แอบอ้าง ก็สามารถแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องหาได้เช่นเดียวกัน