เกิดเหตุไฟไหม้กุฎิรักษาการฯเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย บุรีรัมย์ วอดทั้งหลัง พบหลักฐานคล้ายวางเพลิง รักษาการแทนชี้ ภายในวัดแบ่งเป็นสองกลุ่มชัดเจน เคยถูกข่มขู่ ก่อกวนหลายครั้ง มั่นใจไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจร ขณะกรรมการวัดระบุ วัดนี้มีเรื่องขัดแย้งกันมานาน คดีถึงศาล
วันที่ 18 พ.ย.63 เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.อ. อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านให้เข้าตรวจสอบ เหตุไฟไหม้กุฏิพระ ในวัดศาลาลอย ม.3 ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพราะเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการวางเพลิง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นกุฏิปูนชั้นเดียว ภายในวัดศาลาลอย ซึ่งเป็นกุฎิของ พระสุรินทร์ ครุฑรัมย์ อายุ 56 ปี รักษาการแทนเจ้าอาวาส วัดศาลาลอย ได้รับความเสียหายทั้งหลัง เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้เมื่อเวลา 20.00 น. (17 พ.ย.) ที่ผ่านมา
ทรัพย์สินภายในกุฏิ มีผ้าไหม 5 ผืน ,จีวร 20 ผืน , พัดลม 3 ตัว , และทีวี ขนาด 20 นิ้ว 1 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 40,000 บาท ได้รับความเสียหายทั้งหมด เหลือแค่โครงสร้างของกุฏิ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบกุฏิพบ ไม้ไผ่ยาวประมาณ 8 เมตร และมีเศษผ้าจีวรที่ปลายของไม้ไผ่ชุ่มน้ำมัน ตกอยุ่ข้างๆ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเบื้องต้น
สอบถามพระ สุรินทร์ ครุฑรัมย์ อายุ 56 ปี รักษาการแทนเจ้าอาวาส เจ้าของกุฏิดังกล่าวเล่าว่า ช่วงเกิดเหตุอาตมา ไปสวดมนต์ที่ศาลาหลังใหญ่ ได้มีพระลูกวัดวิ่งแจ้งว่าไฟไหม้กุฏิ จึงให้พระลูกวัดช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้ จนสามารถระงับเพลิงเอาไว้ได้โดยไม่ได้แจ้งรถดับเพลิงของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด พอรุ่งเช้าจึงแจ้งให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
เบื้องต้นส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรอย่างแน่นอน เพราะจากหลักฐานที่พบชัดเจนว่าคล้ายกับการวางเพลิง ประกอบกับกุฏิหลังนี้ติดระบบตัดไฟอย่างดี
รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560 หลังจากเจ้าอาวาสวัดที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง แล้วตั้งอาตมาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสแทน มักจะถูกข่มขู่ มีกลุ่มวัยรุ่นขับรถมาก่อกวนมาโดยตลอด แต่ไม่เคยถือสา ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดถึงขั้นจุดไฟเผา
นายสรัส ไชยศรีรัมย์ อายุ 76 ปี กรรมวัดศาลาลอย กล่าวว่า ภายในวัดศาลาลอย จะมีคดีความกันถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งยังไม่จบคดีความ ระหว่างอดีตเจ้าอาวาสวัดที่ถูกเจ้าคณะจังหวัดปลดออก กับรักษาการแทนเจ้าอาวาสคนใหม่ รวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย
เหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เป็นการวางเพลิงชัดเจน ไม่มีเรื่องอื่น นอกจากการขัดแจ้งกันของทั้งสองฝ่ายภายในวัดเดียวกัน เพราะมีหลักฐานที่ตกในที่เกิดเหตุ ประกอบกับที่ผ่านมาฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสมักเคยสร้างเงื่อนไข และขัดขืนคำสังของพระผู้ใหญ่มาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับวัดศาลาลอย ในอดีตพระครูธรรมประภากร หรือ "หลวงปู่เอก ปภากโร" เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเจ้าอาวาสและได้มรณภาพไปเมื่อปี 2556
โดยต่อมาได้มีการแต่งตั้งหลวงพ่อปัญญา เข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน จนกระทั่งได้มีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในการบริหารเงินหลายล้านบาท จนมีการตรวจสอบและเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีมติปลดหลวงพ่อปัญญา ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลสะแกซำ
พร้อมกับแต่งตั้งให้พระสุรินทร์ ที่ถูกเผากุฏิ เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา พร้อมกับให้ขับพระปัญญา ออกจากพื้นที่ แต่พระปัญญาไม่ยอมออกจากวัด จนเกิดเรื่องราวมาโดยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพ/ข่าว อภิชาติ ศิริสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง