เอสเอ็มอี ญี่ปุ่นเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมแผนจับคู่ธุรกิจ กว่า 70 คู่ ที่มาพร้อมนวัตกรรม-เทคโนโลยี ช่วยขับเคลื่อนการผลิตอาหารไทย ในงาน "Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020" ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายน ศกนี้
จากวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ให้มากขึ้น “โทโมโกะ อุจิดะ” ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายงานด้านยุทธศาสตร์ ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) ได้เปิดเผยว่า ด้วยเอสเอ็มอีโตเกียว ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโต จึงเลือกจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เราเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
“แม้โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก แต่เอสเอ็มอียังคงมีการขยายตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยที่ถือได้ว่า มีความแข็งแกร่ง ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีความด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร ก็พร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาท และสูงกว่าญี่ปุ่นถึง 4 เท่าตัว ซึ่งนโยบายของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไปสู่กระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ญี่ปุ่นและไทยจะได้เข้ามาร่วมมือกันเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยนำเอาเทคโนโลยีการผลิต และนวัตกรรมที่ทันสมัย เข้ามาสนับสนุนกระบวนการแปรรูปอาหารของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้าน “มาซายูกิ คิมุระ” ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า Tokyo SME Support Center จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เพื่อสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นที่ต้องการร่วมมือและขยายธุรกิจระหว่างสองประเทศ ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีแนวโน้มความร่วมมือทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจับคู่ธุรกิจสำเร็จแล้วกว่า 20 คู่ โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านกระบวนการผลิต ธุรกิจไลฟ์สไตล์ และเฮลท์แคร์ ขณะที่ธุรกิจของไทยที่ขยายไปยังตลาดญี่ปุ่น และได้รับความสนใจส่วนใหญ่ยังคงเป็นอุตสาหกรรมอาหาร
ด้วยเหตุนี้ Tokyo SME Support Center จึงเห็นว่า การจัดงาน Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020 To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation” จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจระหว่าง เอสเอ็มอีของไทย กับ เอสเอ็มอีของญี่ปุ่น ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของตลาดการค้าได้เป็นอย่างดี โดยทาง Tokyo SME Support Center จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการคัดสรรผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่นมาจับคู่เจรจาธุรกิจกับเอสเอ็มอีของไทย ซึ่งวันนี้ มีบริษัทธุรกิจของไทยตอบรับเข้าร่วมแล้ว 10 แห่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 17-วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ชั้น 3 ห้องสุขุมวิท 7-11 โดยคาดว่าจะเกิดการเจรจาทางธุรกิจมากกว่า 70 คู่การค้า
สำหรับแนวโน้มความต้องการของผู้ประกอบการไทยในการดำเนินธุรกิจนั้น ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ยอมรับว่า ด้วยความต้องการของผู้ประกอบการไทยในวันนี้ มีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตสมับใหม่ ตลอดจนนวัตกรรมการแปรรูปอาหาร ที่ช่วยรักษารสสัมผัสของอาหาร การบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ รวมถึงการช่วยควบคุมอุณภูมิในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ อีกมาก จึงอยากจะเรียนเชิญผู้ประกอบการไทย เข้ามาร่วมงานดังกล่าว เพื่อจะได้ความรู้ รวมถึงได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการผลิต ตลอดจน ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจในตลาดระดับโลก ที่จะช่วยทำให้การขับเคลื่อนเอสเอ็มอีของไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความต้องการของตลาดในภูมิภาคต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง