ตื่นตาใต้ทะเล พบแนวปะการังใหม่มหึมาสูงกว่าตึกเอ็มไพร์สเตท นอกรัฐควีนสแลนด์ (ชมคลิป)

 

สถาบันมหาสมุทรชมิดต์ ในออสเตรเลีย แถลงเรื่องการค้นพบแนวปะการังใหม่ขนาดมหึมา นอกเคป ยอร์ก  รัฐควีนสแลนด์ ความยาวประมาณ 1.5 กม. จุดสูงที่สุดจากพื้นทะเลวัดได้กว่า 500 เมตร จึงสูงกว่าเมื่อเทียบกับตึกระฟ้าหลายแห่ง รวมถึงตึกเอ็มไพร์สเตท (443 เมตร) ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา  นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สิ่งที่ค้นพบเป็นแนวปะการังแยกตัว  (detached reef) เพราะฝังอยู่ใต้พื้นมหาสมุทร ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเกรตแบร์ริเออร์ รีฟ และถือเป็นการค้นพบแนวปะการังใหม่ใต้ทะเลนอกชายฝั่งรัฐควีนสแลนด์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 120 ปี 

 

 

 

ทีมนักวิจัยนำโดยดร.รอบิน บีแมน จากมหาวิทยาลัยคุก พบแนวปะการังใหม่ครั้งแรกเมื่อ 20 ต.ค. ระหว่างออกเรือวิจัยฟอลคอร์ ในโครงการสำรวจและจัดทำแผนที่ใต้น้ำเป็นเวลา 12 เดือน จากนั้น ส่งหุ่นยนต์ใต้น้ำ SuBastian ของสถาบันชมิดต์โอเชียน ดำลงไปเมื่อ 25 ต.ค. และไลฟ์สตรีมกลับมาด้วยภาพคมชัดสูง ฐานของแนวปะการังรูปร่างคล้ายใบพัด กว้าง 1.5 กม.  สูงจากจุดลึกที่สุด 500 เมตร และจากผิวน้ำลงไปเพียง 40 เมตร จุดลึกที่สุดของแนวปะการังประเมินอายุ 20 ล้านปี 

 

 

พืดหินใต้น้ำใหม่ที่พบ แทรกอยู่ในกลุ่มแนวปะการังแบบเดียวกัน 7 แห่ง รวมถึงปะการังที่เกาะเรน ( Raine Island) แหล่งวางไข่เต่าตนุใหญ่สุดในโลก ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนที่ที่เคยจัดทำในคริสต์ทศวรรษที่ 1800 แต่บนยอดแนวปะการังใหม่ที่เพิ่งพบนี้ มีระบบนิเวศทางทะเลมีชีวิตชีวามากกว่าเพื่อน ยอดสูงสุดของแนวปะการังซึ่งมีพื้นที่เพียง 300 คูณ 50 เมตร  พบปลาจำนวนมากและประชากรฉลาม  

เคยเห็นไหม เต่าตนุกว่า 6 หมื่นชุมนุมแหล่งว่างไข่ใหญ่ที่สุดในโลก 

 

 

 

 

แนวปะการังอิสระลักษณะนี้เหมือนภูเขาใต้ทะเลตั้งโดดๆ น้ำลึกมากที่คั่นกับชุมชนปะการังถัดไป บ่งถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะพบสิ่งมีชีวิตใหม่ๆได้อีก ซึ่งทีมวิจัยจะต้องใช้เวลาศึกษาภาพถ่ายและตัวอย่างที่หุ่นยนต์เก็บขึ้นมา 

 

 

 

เวนดี ชมิดต์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันชมิดต์ โอเชียน กล่าวว่า การค้นพบเหนือคาดหมายตอกย้ำว่าเรายังต้องค้นหาโครงสร้างและสิ่งมีชีวิตในทะเลของเราต่อไป สถานะองค์ความรู้เกี่ยวกับว่าอะไรอยู่ในมหาสมุทร จำกัดมานานแล้ว ต้องขอบคุณเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มศักยภาพการสำรวจอย่างไม่เคยมีมาก่อน 

ทีมวิจัยนำโดยดร.บีแมน จะเดินหน้าสำรวจทางเหนือของเกรตแบร์ริเออร์รีฟต่อไปจนถึง 17 พ.ย. อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดทำแผนที่พื้นทะเลเป็นเวลา 1 ปี และนำเผยแพร่บนเวบไซต์ AusSeabed