ข่าว

"พิชัย"เห็นด้วย "แลนด์บริดจ์" ช่วยพัฒนาประเทศ

"พิชัย"เห็นด้วย "แลนด์บริดจ์" ช่วยพัฒนาประเทศ

14 ต.ค. 2563

"พิชัย" เห็นด้วย "แลนด์บริดจ์" ช่วยพัฒนาประเทศ ชี้ คิดมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ควรทำตั้งนานแล้ว ดีกว่าสะพานไทย 9.9 แสนล้านบาท สิ้นเปลืองไม่คุ้มค่า 


14 ต.ค.2563  นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะทำโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่อระหว่างทะเลฝั่งอันดามัน และ ฝั่งอ่าวไทย ซึ่งจะแบ่งเบาภาระการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งประเทศไทยและประชาคมโลก โดยจะสามารถประหยัดเวลาการขนส่งสินค้าทางทะเลไปได้หลายวัน โดยในภาวะปกติการขนส่งทางทะเลผ่านช่องแคบมะละกามีปริมาณที่หน่าแน่นมาก เฉพาะการขนส่งน้ำมันก็มีถึง 13-14 ล้านบาเรลต่อวันแล้ว การพัฒนาดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยได้ประโยขน์อย่างมาก และจะเป็นการช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ และเป็นคำแนะนำที่ตนได้เสนอมาตลอด 6 ปีนี้  แต่รัฐบาลเพิ่งจะมาคิดทำ 

 


หากจำกันได้ โครงการแลนด์บริดจ์ดังกล่าว เริ่มต้นคิดกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย แต่มาถูกปฏิวัติในปี 2549 เสียก่อนโครงการจึงหยุดไปและยังไม่ได้มีการรี้อฟื้นขึ้นมาอีกเลย สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานก็ได้พยายามผลักดันโครงการนี้ให้กลับมา พร้อมกับโครงการเจรจาแหล่งพลังงานในพิ้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เพราะเห็นว่า 2 โครงการนี้ จะสามารถทำรายได้ให้กับประเทศไทยได้เป็นจำนวนมหาศาล


โดยในโครงการแลนด์บริดจ์นี้ได้มีการพิจารณาถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ ให้พัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมที่ปลอดภัย และเนื่องจากจะมีการขนส่งน้ำมันดิบผ่านทางเข้ามาเป็นปริมาณมาก คณะทำงานขณะนั้นยังได้พิจารณาถึงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ถึง 1 ล้านบาเรลต่อวันเพื่อผลิตและขายน้ำมันสำเร็จรูปที่จะใช้ในประเทศพร้อมทั้ง จำหน่ายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ ลาว เขมร และ ประเทศจีนตอนใต้ ที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมากด้วย อีกทั้งยังได้พิจารณาสร้างอุตสาหกรรมเปโตรเคมีต่อเนื่องจากการกลั่นน้ำมันได้อีก ซึ่งจะเป็นการหารายได้ และเป็นการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เรื่องนี้ตนได้แนะนำและย้ำเตือนรัฐบาลมาหลายหนแล้วตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งหากคิดทำแต่แรก และ แทนที่พลเอกประยุทธ์จะเที่ยวต่อว่าตนผ่านสื่อโดยไม่ศึกษาและไม่ฟังเหตุผล ป่านนี้ประเทศไทยก็ไม่แย่ขนาดนี้แล้ว เรื่องดังกล่าวนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม และเป็น CEO ของ บมจ. ปตท ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง จะทราบดี เพราะได้หารือร่วมกันตั้งแต่สมัยนั้น


ดังนั้น เมื่อนายไพรินทร์เสนอโครงการสะพานไทยเชื่อม EEC ลงภาคใต้ ที่จะต้องใช้เงินถึง 9.9 แสนล้านบาท ตนจึงแปลกใจและไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการลงทุนที่สูงมาก และอาจจะไม่คุ้มทุน อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจและสถานะการเงินของรัฐบาลอาจจะไม่เอื้ออำนวยให้ทำได้ การทำแลนด์บริดจ์จะใช้เงินน้อยกว่ามากและจะได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ อีกทั้งการกำหนดที่ตั้งก็ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เพราะการขนส่งน้ำมันก็มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุการรั่วไหลของน้ำมันได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายและเกิดมลภาวะ 


นอกจากนี้ยังจะต้องพิจารณาถึงแหล่งที่ตั้งของเขตอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่คงต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่และต้องมั่นใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับประชาชนในพื้นที่ อีกทั้ง ต้องพิจารณาว่าผลประโยชน์ของการพัฒนาจะตกกับชุมชนท้องถิ่นในรูปแบบใดบ้าง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง


 

ทั้งนี้อยากให้ประชาชนได้มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก อะไรที่เป็นประโยชน์และทำให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหากรัฐบาลทำไม่ได้หรือทำไม่เป็น พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดำเนินการเองเมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจให้เป็นรัฐบาลอีกครั้งในอนาคต 
 

 

"พิชัย"เห็นด้วย "แลนด์บริดจ์" ช่วยพัฒนาประเทศ