
สตรีเชื้อสายเอเชียพ้นมลทินฆาตกรรมพ่อแม่หลังติดคุกฟรี 17 ปี พบอัยการเหยียดเชื้อชาติ
ตกเป็นแพะรับบาปความผิดไม่ได้ก่อ 17 ปี สตรีอเมริกันเชื้อสายเอเชียเพิ่งได้รับอิสรภาพ หลังพบหลักฐานใหม่ อีเมล์อัยการเผยเหยียดเชื้อชาติ
ฟรานซิส ชอย สตรีอเมริกันเชื้อสายเอเชีย เป็นแพะรายล่าสุดในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐ ติดคุกนานถึง 17 ปี หลังถูกตัดสินมีความผิดฆาตกรรมพ่อแม่ในเหตุไฟไหม้บ้าน ก่อนผู้พิพากษาตัดสินให้คดีเป็นโมฆะ ส่วนหนึ่งเพราะการเปิดเผยอีเมล์ที่อัยการในคดีนี้เขียนถึงกันเกี่ยวกับจำเลย ทั้งเหยียดผิวและเหยียดเพศ
ชอย ในวัยเพียง 17 ปี กลายเป็นกำพร้าและไร้บ้าน ทั้งยังตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรม จิมมี ชอย วัย 64 และแอน จั่น ชอย วัย 53 พ่อแม่ของตัวเอง ด้วยการวางเพลิงเผาบ้านในเมืองบร็อคตัน รัฐแมตซาชูเสตส์เมื่อปี 2546 โดยเธอกับ เคนเนธ ชอย หลานชายวัย 16 ปีของจิมมี ชอย เป็นเพียงสองคนที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ อัยการกล่าวหาว่าเธอเผาบ้านเพราะต้องการเงินประกันชีวิตของพ่อกับแม่และไปอยู่กับแฟน
ในการพิจารณาคดีสองครั้งแรก คณะลูกขุนไม่สามารถลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ทำให้การพิจารณาคดีต้องเริ่มใหม่ และในการพิจารณาคดีครั้งที่สาม ปี 2554 ชอยถูกพิพากษามีความผิดข้อหาวางเพลิงและฆาตกรรม ถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยตัดสิทธิภาคทัณฑ์
ผ่านไป 17 ปี ชอยได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนเมษายน หลังผู้พิพากษาสั่งพักการลงโทษ จากนั้น สั่งยกเลิกคำตัดสินเมื่อเดือนที่แล้ว เพราะพบปัญหาหลายอย่างในการพิจารณาคดีครั้งที่ 3 ที่สุด ชอยได้รับอิสรภาพอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากอัยการประกาศว่าจะไม่ขอพิจารณาคดีครั้งที่ 4
ผู้พิาพกษา ลินดา ไจล์ส ซึ่งเคยตัดสินลงโทษชอยเมื่อ 17 ปีก่อน แถลงเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า การยกเลิกคำพิพากษา เพราะพบหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ รวมถึงหลักฐานที่ว่าเคนเนท ชอย คือมือเผาตัวจริงแต่โยนบาปให้กับจำเลย และอีกส่วนเพราะการค้นพบอีเมล์ของอัยการสองคนที่ฟ้องเอาผิดชอยในคดีนี้ เขียนเกี่ยวกับเธอและครอบครัวของเธอแบบเหยียดผิวและจาบจ้วงทางเพศ
จอห์น บาร์เตอร์ ทนายของชอย กล่าวว่า นี่อาจเป็นครั้งแรกในสหรัฐที่การยกเลิกคำตัดสินคดีฆาตกรรม เป็นเพราะการเหยียดเชื้อชาติในฝ่ายของอัยการ
นิตยสาร Boston College Law School ระบุว่า ชอยเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ได้รับการตัดสินพ้นข้อหาความผิดในแมตซาชูเสตส์ และเป็นสตรีอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกด้วย พ่อแม่ของเธอเป็นชาวจีนอพยพจากฮ่องกงและเวียดนาม
ชอย วัย 17 ปี ถูกสวมกุญแจมือ / ภาพ Boston College Innocence Program
โครงการ Boston College Innocence ซึ่งรับเป็นทนายช่วยเหลือชอย ระบุว่า อิสรภาพของเธอได้มาจากความพยายามสอบสวนและยื่นคำร้องขอเข้าถึงอีเมล์อัยการมานานหลายปี กระทั่งสำนักงานอัยการเมืองพลีมัทเพิ่งเปิดเผยอีเมล์ส่วนใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
ผู้พิพากษา กล่าวว่า อีเมล์ที่คาเรน โอซุลลิแวน กับจอห์น แบรดลีย์ อัยการสองคนในคดีส่งถึงกัน มีเรื่องตลกเกี่ยวกับอคติต่อคนเชื้อสายเอเชีย และตัวการ์ตูนล้อเลียนชาวเอเชียที่ใช้ภาษาอังกฤษผิดๆถูกๆ ทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนภาพชาวเอเชีย บางภาพมาพร้อมกับความเห็นหยาบคาย บางภาพก็ไม่มีคำอธิบายอะไร เช่น อัยการสองคนเขียนถึงชอย ว่า เป็นเหมือนกับลูกเสือหญิงจุดไฟเผาบ้านวอดทั้งหลัง เพราะคนในบ้านไม่ยอมซื้อคุกกี้ห่วยแตก(คำหยาบ) มีการส่งภาพเด็กหญิงสวมชุดคลูคลักซ์แคลนในอีเมล์ และอัยการรายหนึ่งบอกอีกฝ่ายก่อนไปศาลในวันถัดไป ว่า “ฉันจะแต่งกี่เพ๊าไปว่าความในศาล และจะนั่งพับกระดาษออริกามิหลังห้องพิจารณาคดี” นอกจากนี้ ทั้งสองยังเขียนถึงจำเลยในทำนองว่า มีสัมพันธ์ทางเพศกับญาติร่วมสายเลือดอย่างเคนเนท ชอย ที่อาศัยในบ้านเดียวกัน
เคนเนทถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรมเช่นกัน แต่ได้รับการยกฟ้องในปี 2551 และให้การปรักปรำฟรานซิส ชอย ในการพิจารณาคดีครั้งที่สอง จากนั้นเขาหลบหนีกลับฮ่องกงก่อนการพิจารณาคดีครั้งที่สามเริ่มขึ้น
ผู้พิพากษากล่าวว่า หากเธอรู้ว่ามีการส่งอีเมล์กันในลักษณะนี้ เธอคงประกาศให้เป็นการพิจารณาคดีที่ผิดพลาด ปลดอัยการ และแจ้งผู้บังคับบัญชาของทั้งสองในตอนนั้น
ฟรานซิส ชอย ออกจากเรือนจำตั้งแต่เดือนเมษายน ระหว่างรอการยื่นอุทธรณ์ แต่ยังถูกกักบริเวณในบ้าน กระทั่งสำนักงานอัยการพลีมัทประกาศไม่ส่งฟ้องเพื่อขอเปิดการพิจารณาคดีเป็นครั้งที่ 4 เมื่อ 30 ก.ย. เธอจึงเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์
ภาพ Boston College Innocence Program
ชอย วัย 34 ปี ขอบคุณทนาย ครอบครัวและเพื่อนที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของเธอตลอดมา “มันเป็นการเดินทางยาวนานและยากลำบาก แต่กำลังใจของพวกเขาช่วยให้ฉันเข้มแข็งและไม่เคยทิ้งความหวัง ไม่มีอะไรมาลบเลือนความเจ็บปวดการสูญเสียพ่อแม่และความทุกข์ทรมานที่ท่านทั้งสองเผชิญ ฉันคิดถึงพวกเขาทุกวัน แม้แต่อยู่ในคุก ฉันพยายามใช้ชีวิตในแบบที่ให้เกียรติพวกท่าน ฉันโล่งอกที่ความจริงถูกเปิดเผย และได้ชีวิตนอกกำแพงคุกกลับมาเสียที”
ขณะอยู่ในเรือนจำ ชอยสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับสอง จากมหาวิทยาลัยบอสตัน ได้รับประกาศนียบัตรด้านการทำอาหารและเครื่องสำอางวิทยา และฝึกสุนัขบริการเพื่อทหารผ่านศึกพิการ
ชารอน เบคแมน หนึ่งในทนายที่ช่วยให้เธอได้รับอิสรภาพ กล่าวว่า การตัดสินผิดพลาด มาจากทัศนคติเหยียดผิว การทำคดีผิดพลาดของตำรวจ และความล้มเหลวหลายประการของระบบ ฟรานซิส ชอย ไม่อาจได้เวลา 17 ปีที่ระบบพรากไปจากเธอ แต่เราก็ยินดีอย่างยิ่งที่เธอล้างมลทินได้ และหวังว่าคดีของชอยจะจุดประกายการปฏิรูปอย่างมีความหมายต่อไป