ข่าว

ศาลฎีกาฯอนุญาต ให้ประกันตัว "วัฒนา เมืองสุข" -ห้ามออกนอกประเทศ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลฎีกาฯอนุญาต ให้ประกันตัว "วัฒนา เมืองสุข" คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ภายหลังยื่นหลักทรัพย์ 10 ล้านบาทขอประกันตัวและสู้คดีต่อโดยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแต่ศาลฯตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เจ้าตัว ลั่น มั่นใจในการสู้คดีต่อ ไม่หนีคดีแน่

 หลังจากวันนี้ ( 24 ก.ย. )ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  พิพากษาให้จำคุกนายวัฒนา เมืองสุข  อดีต รมว. พัฒนาสังคมฯเป็นเวลา 50 ปี  ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร
อย่างไรก็ตาม แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว คดียังไม่ถึงที่สุด คู่ความสามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีกครั้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ให้สิทธิคู่ความในการยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน

ล่าสุดหลัง นายวัฒนา เมืองสุข ได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลเพื่อขอประกันตัวและยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ศาลฎีกาฯ อนุญาตให้ประกันตัว นายวัฒนา เมืองสุข โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาต โดยนายวัฒนา ยื่นหลักทรัพย์ 10 ล้านบาท เป็นเงินในบัญชีธนาคาร และหลักทรัพย์เดิม 5 ล้าน เเละเติมเงินสดเพิ่มอีก 5 ล้าน

นายวัฒนา เมืองสุข  บอกภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุก 99ปี ในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรและศาลอนุญาตให้ประกันตัว ว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์ 10ล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศก่อนได้รับอนุญาต โดยศาลให้เหตุผลเชื่อว่า ตนเองไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี และจากการฟังคำตัดสินมองว่า ไม่เห็นพ้องด้วยเพราะองคณะผู้พิพากษาอาจจะมองคนละอย่างกับตนเอง ซึ่งก็จะใช้สิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมาย และวันนี้ดีใจที่โทษสูงแต่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว อาจจะเป็นเคสแรก โดยตนไปกราบเรียนศาลว่าคดีนี้ตนเองเป็นคนว่าความเองและเตรียมคดีเอง เอกสารหลักฐานอยู่ในไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ มีหลายหมื่นหน้า หากไม่อนุญาตให้ประกันตัว ตนจะอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะในเรือนจำไม่ให้เอาเครื่องมือสื่อสารเข้าไป ซึ่งการอุทธรณ์คดีนั้น ไม่ได้มีหลักฐานใหม่ แต่จะป็นการอุทธรณ์คัคค้านดุลพินิจของศาล เช่นข้อเท็จจริงที่เห็นไม่ตรงกับศาล ซึ่งก็เคารพความเห็นต่างอยู่แล้ว แต่ก็เป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์คัดค้านได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าจะเห็นอย่างไร โดยจะยื่นคำร้องอุทธรณ์ภายใน30วัน
    ซึ่งยังยืนยันว่า ตนเองมั่นใจในการสู้คดี เพราะหากดูภาษากายที่ผ่านมา ตนเองมีความเชื่อมั่น และเชื่อในสิ่งที่ทำว่าถูกต้อง ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหาและรอวันนี้มาถึง 14ปี  ไม่หนีแน่นอน และคดีนี้ตนเองรู้ดีทุกอย่างว่าทำอะไร ไม่ได้กังวลอะไร
   นายวัฒนา ยังบอกด้วยว่า การที่สามารถยื่นอุทรณ์ในคดีนี้ได้ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560นั้น ไม่ถือว่าเป็นการได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่า หลักการอุทธรณ์เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี ดังนั้นหากเป็นสมาชิกของยูเอ็นจะต้องยอมรับในกฎกติกาและต้องเอามาปฏิบัติ เอามาแก้กฎหมาย มางั้นไม่สามารถเป็นสมาชิกได้ และในกติกาเขียนไว้ด้วยว่า การพิจารณาคดีต้องทำต่อหน้าจำเลย ซึ่งกรณีนี้ก็ถือว่าไม่ได้ทำ รวมถึงการอุทธรณ์ในคดีอาญาจำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลที่สูงกว่า แต่นี่ต้องอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพราะคดีตั้งต้นที่ศาลฎีกา ทั้งที่ความจริงต้องตั้งต้นที่ศาลอุทธรณ์ ถึงจะถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของจำเลยทุกคนทั่วโลก ดังนั้นรัฐธรรมนูญ 60 จึงไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับตนเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ