
กรมชลประทานเร่งรัด" โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร" บรรเทาภัยแล้ง-น้ำท่วม
กรมชลประทานเร่งรัด" โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร" บรรเทาภัยแล้ง-น้ำท่วม
น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 นับเป็นอุทกภัยรุนแรงที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่ม แม่น้ำโขง มีราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 12.8 ล้านคน และธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท จากเหตุดังกล่าว รัฐบาลโดยกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ศึกษาถึงต้นเหตุและวิธีการแก้ไขปัญหา
โดยนายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เล่าว่า ในปี 2554 พบมีปริมาณน้ำเหนือจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ไหลหลากลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ถึง 4,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินความสามารถในการรับปริมาณน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาที่จะรองรับได้เพียง 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
อีกทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ผ่านมาการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพียงปริมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาบางจุดก็เกิดปัญหาอุทกภัยได้ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงผ่านตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาที่มีลักษณะเป็นคอขวด ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำชากเป็นประจำทุกปี และมีผลกระทบรุนแรงในปีที่มีปริมาณน้ำมาก
นายเสริมชัย ได้บอกถึงแผนบรรเทาอุทกภัยว่า กรมชลประทานได้จัดทำแผนบรรเทาอุทกภัยเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผนงาน โดยโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 9 แผนงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา และบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุมน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จึงมีความจำเป็นต้องขุดคลองระบายน้ำสายใหม่
“การก่อสร้างดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ถึง 2,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยไม่เกิดผลกระทบกับบ้านเรือนริมตลิ่งที่อยู่ในคันกั้นน้ำนายเสริมชัย กล่าวถึงประโยชน์หลัก
สำหรับแผนงานของโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเสริมชัย เผยว่า กรมชลประทาน ได้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการแล้วเสร็จในปี 2557 และศึกษาทบทวนความเหมาะสมโครงการแล้วเสร็จในปี 2559 จากนั้นคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560โดยให้กรมชลประทานดำเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในขั้นตอนการสำรวจ ออกแบบรายละเอียด และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเนื่องจากแนวการก่อสร้างคลองยาวหลายกิโลเมตรบางช่วงไม่อาจหลีกเลี่ยงการตัดผ่านเข้าในเขตชุมชน ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชี้แจงกับประชาชนถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ หรือหากมีผลกระทบภาครัฐจะมีการเยียวยาอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีแผนลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างอาชีพ พัฒนาการเกษตร เป็นต้น
จากนั้นคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562อนุมัติให้ดำเนินงานโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยกำหนดแผนงานโครงการ 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2566) วงเงิน 21,000 ล้านบาท โดยการขุดคลองระบายน้ำหลากสายใหม่เพื่อผันน้ำเลี่ยงเมืองพระนครศรีอยุธยาเพื่อระบายน้ำบรรเทาอุทกภัยตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
สำหรับโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล - บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 6 แผนงาน คือ
1. ขุดคลองระบายน้ำสายใหม่ มีความยาวประมาณ 22.50 กม. ระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม./วินาที พร้อม ก่อสร้างถนนผิวจราจรแอสฟัสติคคอนกรีตบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่ง ผิวจราจรมีความกว้าง 8เมตร
2. อาคารบังคับน้ำ ประเภทประตูระบายน้ำ จำนวน 1 แห่ง
- ปตร.ปลายคลองระบายน้ำหลาก ขนาดบาน 12.50 x 9.50 ม. จำนวน 4 บาน อัตราการระบายน้ำสูงสุด1,200 ลบ.ม./วินาที และมีประตูเรือสัญจร ขนาดกว้าง 25.00 ม. ยาว 240.00 ม. จำนวน1 ช่อง
3. สะพานรถยนต์ข้ามคลองระบายนํ้าหลาก จำนวน 11 แห่ง
4. อาคารประกอบคลองระบายน้ำ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำ และท่อระบายน้ำ บริเวณจุดตัดของคลองระบายน้ำหลากกับคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำที่มีอยู่เดิม 36 แห่ง
5. กำแพงป้องกันตลิ่งบริเวณปลายคลองจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยาความยาวประมาณ 4.15 กม.
6. ปรับปรุงและก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบพื้นที่โครงการพร้อมอาคารประกอบ ความยาวรวม 54 กม.
ส่วนความก้าวหน้าปัจจุบันงานก่อสร้าง นายเสริมชัย เผยว่า ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และทำข้อผูกพันสัญญาจ้างผู้รับจ้างแล้ว จำนวน2 สัญญาจ้าง คือ
1. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล - บางไทร สัญญาที่ 1 (STA. 16+400 ถึง STA. 20+100) ปัจจุบันอยู่ระหว่างผู้รับจ้างเตรียมการก่อสร้าง
2. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล - บางไทร สัญญาที่ 2 (STA. 12+500 ถึง STA. 16+400) ปัจจุบันอยู่ระหว่างผู้รับจ้างเตรียมการก่อสร้าง
ในงานก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีงบประมาณถัดไป ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้างานก่อสร้างสะสมทั้งโครงการร้อยละ 8.36
นายเสริมชัย ระบุถึงประโยชน์ของโครงการอีกว่า สามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้เฉลี่ย 1.9 - 2.5 ล้านไร่/ปี และสามารถลดระดับความลึกของน้ำท่วมลงได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำสำหรับการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านการเกษตรกรรมรวม 229,138 ไร่ มีแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้งเพื่ออุปโภค-บริโภค 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 48 ตำบล 3 เทศบาล 362 หมู่บ้าน และยังเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำเลี่ยงตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา เป็นถนนบนคันคลองซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างอำเภอบางบาล และอำเภอบางไทร และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย
นายเสริมชัย ทิ้งท้ายว่า "นอกจากโครงการระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร แล้ว ยังมีอีก 8 แผนงานที่รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและปัญหาน้ำท่วมซึ่งหากแผนบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างจำนวนทั้ง 9 แผนงานเสร็จสิ้นจะช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าวของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"