
เคลียร์ชัด เหตุ พระ โยม เปิดศึกวางมวยกันวุ่น พระลูกวัดเผยสาเหตุที่แท้จริง
จบแล้ว เหตุ พระ โยม เปิดศึกวางมวยกันวุ่นในวัด พระลูกวัดเผย เกิดเหตุตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.2563 ทั้งคู่ต่างแจ้งความซึ่งกันและกัน ที่ สภ. แก่งคอย โดยแจ้งหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งแล้วให้ไกล่เกลี่ยและตกลงกันเองก่อน ปรากฏว่าตกลงกันได้จึงได้แยกย้ายกัน
จากกรณีที่ได้มีคลิปภาพเผยแพร่ทางสื่อหลายแขนงในห้วงเช้าวันนี้ (11 ก.ย.63) โดยผู้ใช้เพจชื่อ Supachai Tongkham เป็นพระสงฆ์อยู่ที่วัดสวนกล้วย ต.กุ่มหัก อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นภาพการต่อสู้ชุลมุนระหว่างพระสงฆ์กับ สีกาที่ใส่ชุดขาวพร้อมกลุ่มคนธรรมดาอีก 2-3 คน และมีเสียงประกอบเป็นชายประนามว่า “นี่หรือพระสงฆ์” และข่มขู่ว่าจะนำเรื่องให้ถึงตำรวจ โดยในเพจดังกล่าว พระศุภชัยลงข้อความแจ้งเตือนด้วยประกอบด้วยว่า ใครพบเห็นครอบครัวนี้อย่าให้เข้าวัดนะครับ เพราะว่าไปอยู่ที่ไหนมีปัญหาที่นั่นมาหลายที่แล้ว ใส่ร้ายพระ ทำร้ายพระ เป็นขบวนการ เพื่อที่จะมาแบล็คเมล์พระ มีทั้งหมด 5 คน พ่อ-แม่ลูก เหตุการณ์ที่เกิดในคลิป เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งครอบครัวนี้ได้มาอาศัยอยู่ และได้ก่อเหตุขึ้น ต่อมาทราบว่าวัดที่ครอบครัวดังกล่าวนี้ไปก่อเหตุขึ้นนั้นคือ “วัดเกตุแก้ว” ท้องที่ ม.9 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลิปว่อน พระ โยม สาวชุดขาวเปิดศึกวางมวยกันวุ่นในวัด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
วันนี้ (11 ก.ย.63) ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ พบพระเสริม ภัท.โก อายุ 61 ปี (พระลูกวัด) และนายสุรเดช สุขประเสริฐ อายุ 53 ปีลูกศิษย์วัด เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นตามคลิป พระเสริม เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.2563 ที่ผ่านมา ขณะที่อาตมา พร้อมพระรูปอื่นๆ กลับจากบิณฑบาต พบเหตุการณ์ความชุลมุนและมีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายยื้อยุดฉุดกระชากกันเกิดขึ้นระหว่าง เจ้าอาวาส คือพระมหาสมศักดิ์ ญต.สโก อายุ 55 ปี พร้อมเสียงชาย-หญิงกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสจับหน้าอกหญิงสาว พร้อมถ่ายคลิปไว้ พวกอาตมาจึงได้เข้าไปห้ามและช่วยห้ามปรามแต่กลุ่มคนดังกล่าวได้ผลักนายสุรเดช จนล้มลงและใช้ไม่ฟาดเข้าที่ด้านหลังบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเหตุการณ์สงบ ครอบครัว ชายหญิง-ดังกล่าวได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย
พระเสริม เล่าอีกว่า และในวันเดียวกันนั้นเอง หลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว พบว่าครอบครัวชาย-หญิงดังกล่าวเคยก่อเหตุและมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาหลายครั้ง หลายวัด ทั้งใน กทม. จ.ลพบุรี และที่อื่นๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางผู้ก่อเหตุครอบครัวที่มาอาศัยวัดอยู่จึงได้ยินยอมถอนแจ้งความ จากนั้น ทางวัด และคณะกรรมการวัดจึงให้ครอบครัวดังกล่าวนั้นขนของออกจากวัดไปโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นสักขีพยาน และเรื่องก็เงียบหายไปนานมาแล้ว แต่จู่ๆ ทำไม มีคลิปภาพเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่อีก แต่คนก็คือคนนะเมื่อเห็นคลิปอะไรก็ปล่อยออกมา และเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าอาวาสแจ้งว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้เข้ามาขอเงินนับหมื่นบาท เมื่อถูกปฏิเสธจึงได้ก่อเหตุขึ้น เป็นการทำงานกันเป็นทีม
พระเสริมเปิดเผย เบื้องหลังครอบครัว ดังกล่าวที่มักมีคนพูดกันว่าเป็น "ครอบครัวหรรษา" ก่อนที่จะก่อเรื่องเมื่อประมาณ เดือน มกราคม 2563 มีพระ เป็นเพื่อนกับเจ้าอาวาส ฝากฝังมาให้มาอยู่ที่วัดเกตุแก้วแห่งนี้ แรกๆ ที่มาอาศัยรถปิกอัพเก่าๆ นอนรวมกันอยู่บนรถ 5 คนฝ่าย ภรรยาเป็นต่างด้าว (พม่า) เจ้าอาวาสพิจารณาแล้วเห็นความยากจนลำบากจึงให้พักอาศัยในห้องพักใกล้กุฎี ช่วยเหลืองานทางวัด และขณะที่อยู่ในวัดลูกสาวซึ่งเป็นวัยรุ่นมักแต่งกายไม่สุภาพ ขณะสวดมนต์มักแย่งไมค์จากพระ อยู่ไปๆ มีเรื่องกับพระทั้งวัด และมักจะนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว อาตมาขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าอาวาสด้วย เพราะท่านไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เป็นพระปฏิบัติธรรม พัฒนาศาสนาวัตถุ ซึ่งในวันนี้ ท่านก็ไม่อยู่เดินทางไปปฏิบัติธรรม ใน กทม. หลังจากมีเรื่องในวันนั้น ครอบครัวนี้ก็ได้ย้ายออกไปจากวัด ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหนต่อ
ด้านนายสุรเดช สุขประเสริฐ อายุ 53 ปีลูกศิษย์วัด ในวันเกิดเหตุตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นครอบครัวนี้ ขึ้นไปคุยกับพระอาจารย์ ที่บนศาลา แล้วเดินลงมาด้านล่าง แล้วได้ยินมีเสียงทะเลาะ และเกิดการต่อสู้ มีผู้หญิงในคลิป รุมทำร้ายเจ้าอาวาส ตนเองเข้าไปช่วยยังได้รับบาดเจ็บที่บริเวณอก ตนเองเสียใจที่ไม่มีใครช่วยท่าน ตนเองรู้สึกไม่สบายใจ ครอบครัวนี้ มีพระอาจารย์ที่อื่นนำมาฝากให้อยู่ ชอบทำตัวเด่น นอกจากนี้พระอาจารย์ยังให้ที่อยู่อาศัย ยังมาทำอย่างนี้อีก ตนเองขอความเห็นใจ พระอาจารย์ท่านเป็นคนที่เอื้อเฟื่อ ตนเองใครมาก็ให้อาศัยอยู่ที่วัด แม้กระทั่งพระมาขออาศัยก็ให้อยู่
ส่วนทางผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก. สภ. แก่งคอย ทางโทรศัพท์ เปิดเผยว่า ด้านสีกาและพระนั้นทั้งคู่ได้มาทำการแจ้งความซึ่งกันและกัน โดยมาที่ สภ. แก่งคอย โดยแจ้งหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งแล้วให้ไกล่เกลี่ยและตกลงกันเองก่อน ปรากฏว่าตกลงกันได้จึงได้แยกย้ายกัน
เกียรติยง อัศวราศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สระบุรี