ข่าว

อ.เจษฏ์ชี้ เครื่องวัดอุณหภูมิในร้านสะดวกซื้อ ไม่ควรเอาไปวัดที่ฝ่ามือ

อ.เจษฏ์ชี้ เครื่องวัดอุณหภูมิในร้านสะดวกซื้อ ไม่ควรเอาไปวัดที่ฝ่ามือ

09 ก.ย. 2563

อ.เจษฏ์ชี้ เครื่องวัดอุณหภูมิในร้านสะดวกซื้อ ไม่ควรเอาไปวัดที่ฝ่ามือ

จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพของเครื่องวัดอุณหภูมิในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยให้เครื่องดังกล่าว วัดอุณหภูมิจาก "ฝ่ามือ" แทนที่จะวัดจาก "หน้าผากหรือบริเวณศีรษะ"

ซึ่งทาง"รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์" อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเพจโดยระบุข้อความว่า  "เครื่องวัดอุณหภูมิ ไม่ควรเอาไปวัดที่ฝ่ามือ" ตอนนี้ มีร้านสะดวกซื้อบ้างแห่ง ได้ใช้วิธีเอาพวกเครื่องวัดอุณหภูมิแบบยิงแสงอินฟราเรด ซึ่งปรกติจะให้พนักงานคอยยืนวัดอุณหภูมิลูกค้าที่เข้ามาในร้าน เอามาติดตั้งแบบให้ลูกค้าเป็นคนเข้าไปสแกนเอง ประเด็นน่าคิดคือ เครื่องรุ่นที่เห็นนี้ แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิบุคคลได้ดี เพราะมีระดับความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ คือมีค่าความผิดพลาดน้อยที่สุดไม่เกิน 0.1 – 0.2% (ไม่เหมือนก่อนนี้ ที่มีการเอาเครื่องวัดสำหรับงานอุตสาหกรรมมาใช้ ซึ่งระดับความละเอียดต่ำกว่า และมีค่าความผิดพลาดสูง) แต่มันเหมาะจะนำมาใช้วัดที่ฝ่ามือหรือ? โดยทั่วไปแล้ว เครื่องสแกนพวกนี้ เหมาะกับการใช้วัดที่หน้าผาก โดยมีการปรับค่ามาให้คำนวณอุณหภูมิที่พื้นผิว (surface temperature) ของหน้าผาก แล้วประเมินเป็นอุณหภูมิแกนกลาง (core temperature) ของตัวบุคคลได้ โดยค่าอุณหภูมิที่วัดได้นี้ ต้องคำนึงถึงอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะจะมีผลต่ออุณหภูมิที่วัดได้ เช่น ถ้าอยู่ท่ามกลางแดดร้อนมาก่อน หรือ ออกมาจากห้องแอร์ใหม่ๆ จะทำให้วัดคลาดเคลื่อนเป็นสูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริงได้ ตามลำดับ ... นอกจากนี้ กิจกรรมที่ทำไปก่อนการวัดก็มีผลต่ออุณหภูมิที่วัดได้เช่นกัน เช่น ถ้าวิ่งมาก่อนวัด อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะสูง ทำให้วัดอุณหภูมิสูงตามไปด้วย

 

แต่เมื่อนำเอาเครื่องมาวัดอุณหภูมิในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ถูกนำมาปรับจูนการคำนวณใหม่เพื่อใช้วัดอุณหภูมิที่ฝ่ามือนั้น มีข้อน่ากังวลว่าจะเกิดความคลาดเคลื่อนในการวัดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามือลูกค้าถือแก้วน้ำเย็นหรือแก้วน้ำร้อนมา ก็จะมีผลให้ค่าอุณหภูมิที่วัดได้ที่พื้นผิวฝ่ามือ ผิดไปจากค่าอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเป็นอย่างมาก ปกติในทางการแพทย์แล้ว ก็จะไม่แนะนำให้ใช้วิธีสแกนวัดที่บริเวณอื่น ที่ไม่ใช่หน้าผาก ดังเช่นที่เคยมีการตอบคำถามในการแถลงของ ศบค. เมื่อ 29 เม.ย. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกฯ (https://mgronline.com/qol/detail/9630000044789) ตอบคำถามเรื่องการตรวจวัดอุณหภูมิ ว่าวัดที่ข้อมือได้หรือไม่

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า "มือในห้องแอร์จะเย็นกว่าปกติ ส่วนกลางหน้าผากยังอุ่นอยู่ ถ้าวัดอุณหภูมิที่ข้อมืออาจได้ตัวเลขต่ำกว่าหน้าผาก เวลาคนมีไข้ หมอจะมาแตะหน้าผาก เพราะเป็นส่วนกลางของลำตัว คงอุณหภูมิได้ดีที่สุด แต่ปลายมือเส้นเลือดเล็กๆ อากาศหนาวๆ หน่อย เส้นเลือดไม่ไปเลี้ยงที่ปลายมือ มือเราก็เย็น ถ้าใช้ข้อมือวัดจะไม่ได้เจอคนที่มีไข้เลย หรือเจอก็น้อยมาก ถ้าวัดที่หน้าผากก็จะได้อุณหภูมิใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่า" หรือพูดง่ายๆ คือ เวลาที่ร่างกายของคนเรามีไข้นั้น ไม่จำเป็นว่าทุกส่วนของร่างกายจะต้องร้อนเท่ากันหมด บริเวณศีรษะ ลำตัว และแขนขาอาจจะร้อน แต่บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า อาจจะเย็นก็ได้ (อ้างอิง https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=274)

ดังนั้น โดยสรุปแล้ว การพยายามปรับปรุงวิธีการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าที่เข้าร้าน โดยให้ลูกค้าเป็นผู้วัดเองกับเครื่องวัด แม้ว่าจะเป็นเวลาที่ดี ช่วยประหยัดแรงงาน .. แต่ก็ควรจะให้วัดที่หน้าผากมากกว่า จะได้ค่าอุณหภูมิที่แม่นยำกว่าวัดที่ฝ่ามือครับ

ขอบคุณ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์