ข่าว

"ตู่ จตุพร" เชื่อ "การเมืองไทย" ยังไม่พ้นวงจรอุบาทว์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร"เชื่อการเมืองไทยยังไม่หลุดพ้นวงจรอุบาทว์ ยันทหาร-นักการเมืองสลับกันคุมอำนาจ ส่วน ปชช.ต่อสู้บาดเจ็บล้มตาย ชี้ สว.ยอมเลิก ม.272 หนุนปิดสวิตซ์ตัวเอง แค่แสดงเกมเล่นเล่ห์เพทุบาย ยื้อรอให้ฉีก รธน. ย้ำต่อสู้ควรใช้สมองอย่าเน้นแต่อารมณ์ ลั่นขอลุยในสนามรบ

เมื่อวันที่  7 กันยายน 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังไม่หลุดพ้นจาก วงจรอุบาทว์

นายจตุพร กล่าวถึงที่มาวงจรอุบาทว์ ว่า เป็นคำพูดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหมายถึง เป็นวงจรการเมืองเป็นวัฏจักรสลับอำนาจกัน คือ มีเลือกตั้ง แล้วรัฐประหาร ประชาชนออกมาต่อสู้บาดเจ็บล้มตาย แล้วได้การเลือกตั้ง หลังจากนั้นนักการเมืองบริหารประเทศเกิดทุจริต แล้วทหารยึดอำนาจกันอีกครั้ง 

แม้ช่วงแรกทหารจะถูกยกย่องเป็นอัศวินม้าขาว แต่อยู่กลับเผยธาตุแท้หนักกว่านักการเมือง คือ มีทั้งคอร์รัปชั่นและเป็นเผด็จการพร้อมกัน ท้ายสุดประชาชนจึงลุกขึ้นมาขับไล่อีก ดังนั้นวงจรอุบาทว์นี้จะมีแต่ทหารกับนักการเมืองสลับกันมามีอำนาจ พร้อมกับการกล่าวหากันไปมา ทหารต่อว่านักการเมืองถือเงินมายึดอำนาจ และนักการเมืองดูถูกทหารถือปืนมาชิงอำนาจ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร คือประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายยืนพื้นอยู่ตลอดไป

“สถานการณ์ขณะนี้ ประเทศกำลังเดินสู่การยึดอำนาจตามวงจรอุบาทว์อีกครั้งหนึ่ง แม้ครั้งนี้รัฐบาลจากสืบทอดอำนาจมี รธน.ฉบับแก้ไขได้ยาก แต่คงต้องการให้มีคณะรัฐประหารชุดใหม่เข้ามาฉีก ซึ่งเหมือนเป็นการวิ่งพลัดส่งอำนาจต่อให้คณะรัฐประหารชุดใหม่เข้ามาฉีก รธน.”

ส่วนการแก้ไขมาตรา 272 เพื่อยกเลิก สว.ช่วงเปลี่ยนผ่านให้โหวตเลือกนายกฯได้นั้น นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ผู้เสนอได้สารภาพบาปและเห็นด้วยกับการแก้ไขยกเลิก แต่ตนเคยย้ำเสมอว่า อย่าสนใจในมาตรานี้ ถ้า ส.ส.จับมือกันได้ถึง 376 เสียง หรืออย่างน้อย 251 เสียง การโหวตนายกฯของ ส.ว.โดยจับมือกับเสียงข้างน้อยก็ไม่มีความหมายอะไร และถึงที่สุดแล้ว มาตรา 272 มีไว้ขู่นักการเมือง พร้อมทั้งปกป้องนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ 

สำหรับกรณี ส.ว.มีท่าทีย่อมปิดสวิตซ์ตัวเอง แต่ไม่พร้อมให้เลือก สสร.ตามมาตรา 256 ซึ่ง ส.ว.พวกนี้ย่อมรู้ว่า ครั้งหน้ามาตรา 272 ไม่มีความหมายใดๆอีกแล้ว จึงแสดงบทเสมือนเป็นการคายอำนาจนี้ออกมา แต่ตนเชื่อว่า ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว 

นายจตุพร ย้ำว่า สถานการณ์ขณะนี้ทุกอย่างเป็นเกมที่เต็มไปด้วยเลห์เพทุบาย มีความพยายามยื้อ และท้ายที่สุดจะไม่ทางให้นักการเมืองได้แก้ รธน.แม้มาตราเดียว พร้อมทั้งมีความพยายามล่อให้ตนเข้าไปสู่คิลลิ่งโซน แต่ตนจะออกไปสู้เมื่อสามารถกำหนดสนามรบเองได้ และเชื่อว่า พี่น้องที่เคยสู้ด้วยกันมานั้น รู้ว่า ตนคิดอะไรอยู่ แม้ตนไม่มีความขลาดกลัว แต่ก็ต้องรอบคอบว่า จะสู้อย่างไรด้วย 

“ผมพยายามอธิบายว่า กลเกมครั้งนี้ไม่ธรรมดา ผมพูดได้ว่าการสู้กันทางการเมืองก็ไม่แพ้ใคร แต่การใช้อาวุธมาฆ่าคนมือเปล่านั้น อย่ามาอธิบายว่า แพ้หรือชนะ เพราะมันคือการฆ่าคนมือเปล่า ส่วนในทางการเมืองนั้นมีตอนไหนที่อธิบายว่ามีความพ่ายแพ้"

นายจตุพร ย้ำว่า บนสนามต่อสู้ทางการเมืองยังไม่เคยแพ้ใคร  แต่สิ่งที่ต้องการอธิบายคือ ข้อเรียกร้องของคนหนุ่มสาว และลุกลามไปถึงโรงเรียนมัธยมไปทั่วประเทศ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ในทางการเมืองนั้น ตนยังยืนยันว่า ท้ายที่สุดจะไม่ได้แก้ รธน.สักมาตราเดียว ด้วยเหตุนี้การต่อสู้จึงต้องใช้สมองให้มากกว่าความรู้สึก 

“วันนี้ประเทศกำลังเดินสู่วงจรอุบาทก์อีกครั้ง ดังนั้นการขับเคลื่อนต้องมีความรอบคอบ โดยยึดระบอบปกครองด้วยประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นระมุข ซึ่ง นปช.ไม่เคยเปลี่ยนอุดมการณ์นี้ และเชื่อว่า 19 ก.ย. นี้จะมีคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก หลังจากนั้น ใครจะทำอะไรก็จะเห็นได้ชัดเจน”

อีกอย่าง ตนจะอยู่ในบทของคนคัดท้ายในแต่สถานการณ์ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงความขลาดกลัว แต่รู้ว่าจะทำอะไรตอนไหน พวกคนชอบยุแหย่จะมาเป็นคนบงการชีวิตตนไม่ได้ เพราะตนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าปลายทางคืออะไร และต้องทำอะไร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ