ข่าว

"ตู่ จตุพร" ชี้ กันยา การเมืองเดือด ส่อถึงทางตัน"ฉีกรธน."

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร พรหมพันธุ์" ประเมินสถานการณ์การเมืองในเดือนกันยายน เชื่อ สุดท้ายแล้ว จะไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญแม้แต่เพียงมาตราเดียว และจบด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญเช่นเดิม หลังทุกอย่างส่อถึงทางตัน

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2563 ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวีแห่งใหม่ ซอย นวลจันทร์ 40 มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ และยังคงจัดรูปแบบสตูดิโอ งดกิจกรรมร้องรำทำเพลง มีเพียงการสื่อสารของประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ไปยังพี่น้องมวลชนเป็นปกติทุกสัปดาห์ 
 
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้จริงๆแล้วตนอยากบอกว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยังคงมีประเด็นออกไป 2 แนวทาง คือจะแก้ไขในส่วนของมาตรา 256 ยกเว้นหมวดที่ 1 และ 2 หรือจะแก้ไขมาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.  อย่างไรก็ตามการแก้ไขมาตรา 256 นั้นเหมือนเป็นการสับคัทเอาท์ แต่เนื่องจากบทเรียนตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงปี 2550 ในสมัยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทั้งฉบับ ดังนั้นเพื่อจะได้มีภูมิต้านทานและลดการต่อต้านด้วยประการใดๆทั้งปวง หรืออาจแปรเจตนาไปในทางที่ผิดก็ยกเว้นหมวด 1 และ 2 เอาไว้ 

\"ตู่ จตุพร\" ชี้ กันยา การเมืองเดือด ส่อถึงทางตัน\"ฉีกรธน.\"

นายจตุพร กล่าวว่า มาตรา 256 เป็นมาตราเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนมาตรา 255 เป็นข้อห้ามที่เกี่ยวข้องจะ เปลี่ยนแปลงประเทศหรือระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะกระทำไม่ได้  แต่ที่เหลือนั้นต้องยึดอำนาจคืนมาจาก สมาชิกรัฐสภา จึงหมายความว่ามาตรา 256 ให้อำนาจส.ส.และส.ว.เกินครึ่งและถูกออกแบบให้ยากขึ้น เพราะว่า ที่เกินครึ่งนั้นจะต้อง มีเสียง ส.ว. 1ใน 3 คือ 84 คน ดังนั้นต้องยอมรับว่าหนทางยาวมาก  

ส่วนมาตรา 272 นั้นเพื่อเป็นการตัดสวิตช์ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนที่เสนอแนวทางนี้ ประเมินว่าจะมีสถานการณ์ขึ้นมาใหม่ก่อนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ โดยตนได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า หากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทั้งมาตรา 256 และมาตรา 272 จะไม่ได้แก้ไขแม้แต่มาตราเดียว เพราะสุดท้ายรัฐธรรมนูญปี 2560 จะถูกฉีกตามเจตนา เนื่องจากมีการเขียนเงื่อนไขมากมายอยู่ในรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไข เพื่อให้แก้ไขได้ยาก ทั้งนี้ตนได้พูดมาตั้งแต่ตอนต้นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เขียนไว้เพื่อให้แก้ไขได้ แต่เป็นการเขียนไว้เพื่อส่งไม้ให้กับคณะรัฐประหารชุดใหม่ 

วันนี้สถานการณ์ในมุมมองของตนในฐานะที่อยู่ในวงการเมืองมานาน ติดตามสถานการณ์ หากสถานการณ์สุกงอมในวันที่ 19 กันยายนนี้ ก็เชื่อว่าทั้งสองมาตรา จะไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งจริงๆตนไม่ได้หวงมาตรา 272 เรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. เพราะหากแก้ไขมาตรา 256 ก็เท่ากับทุบคัทเอาท์ทิ้ง แต่หมายความว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะไปทุกคัทเอาท์ทิ้ง หรือ จะปิดสวิตช์  ท้ายที่สุดคนจะมาพังหม้อแปลงขนาดใหญ่เสียก่อน ก็คือ การยึดอำนาจ  และการยึดอำนาจในคราวนี้ตนเชื่อว่า คณะที่เตรียมการนั้นรออย่างใจจดใจจ่อ ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนต่างๆนั้นก็หาเหตุผลรองรับ เพราะในโลกสื่อสารไร้พรมแดนนั้นจะไม่ง่ายเหมือนในอดีตเนื่องจากทุกคนเป็นเจ้าของสื่อ  

ดังนั้นหากยังไม่สามารถควบคุมการสื่อสารได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้นจะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับประเทศตุรกี ใช้ Facebook จัดการกับคณะรัฐประหารได้อย่างราบคาบ แต่อย่างไรก็ตามตัวเลือกในการ ทำรัฐประหารในประเทศไทยนั้นไม่เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศเหล่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการไปปิดสื่อแม้กระทั่งการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แต่ปัจจุบันไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีก เพราะประชาชนมีโซเชียลมีเดียไว้ต้านคณะรัฐประหาร และสถานการณ์ขณะนี้ก็ถือว่าเปราะบาง เนื่องจากทุกอย่างเริ่มถึงทางตัน และหากโควิด 19 ระบาดอีกครั้งประเทศไทยก็จะยากในการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ 

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ไปทุกอย่างตนยังเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชนิดที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพราะไม่มีฝ่ายใดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้แม้แต่ฝ่ายเดียว และนี่เป็นปรากฎการณ์ครั้งใหม่ที่แต่ละฝ่ายต้องคิดว่า ทั้งกระดานนี้ไม่มีใครเบ็ดเสร็จได้ เพียงแต่ใครจะมีความชอบธรรมมากกว่าใคร อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการขับเคลื่อนอะไรก็ตาม  ซึ่งแต่ละฝ่ายก็คิดและรอวันที่ 19 กันยายนนี้ ว่า จะลงมือก่อนวันที่ 19 หรือวันที่ 19 หรืออาจจะหลังวันที่ 19 แต่ตนเชื่อว่า รัฐธรรมนูญจะไม่ได้แก้แม้แต่เพียงมาตราเดียว และลงท้ายด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญเช่นเดิม

\"ตู่ จตุพร\" ชี้ กันยา การเมืองเดือด ส่อถึงทางตัน\"ฉีกรธน.\"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ