รวบชาวเมียนมา ลักลอบเข้าเมือง อ้างมาหาหมอ ไทยมีงานทำและปลอดโควิด

วันที่ 30 สิงหาคม 2563 พ.อ.ชาตรี  สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 สั่งการให้ ร.อ.กิตติเดช  กันคล้อย ผบ.ร้อย.ม.3 ฉก.ม.2 จัดกำลังออกลาดตระเวนเมื่อมาถึงบริเวณท่าน้ำผักกาด, ท่าข้ามกระหล่ำ, ท่าข้ามป่าสัก พบกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาแอบลักลอบเข้าเมือง โดยข้ามแม่น้ำสายมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านรวมจำนวน 7 คน ทราบชื่อภายหลัง

        1.นางหลง กันทะย่อ อายุ 54 ปี สัญชาติ เมียนมา

        2.นางสาวตาล อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา

        3.นายเส็งมล อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา

        4.นายเหว่ย ยี่ ทุน อายุ 33 ปี สัญชาติ เมียนมา

        5.นาย ชิง เหม่า อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา

        6.นาง เอ สาว อายุ  42 ปี สัญชาติ เมียนมา

        7.นายหนุ่มตุ้ย สุขศรี อายุ  28 ปี ถือบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน

จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวบุคคลทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็นหญิง 3 คน ชาย 4 คน ตรวจร่างกายวัดอุณหภูมิตามขั้นตอนการคัดกรองโควิด-19 นาง หลง กันทะย่อ อายุ 54 ปี หญิง ชาวเมียนมา หนึ่งในกลุ่มที่แอบลักลอบข้ามน้ำสายเข้ามา เล่าว่า ตนเดินทางมาจาก บ้านปงถุน จ.ท่าขี้เหล็ก สาเหตุที่ลักลอบข้ามน้ำมา เพื่อที่จะเดินทางมาเปลี่ยนยารักษาโรคเนื่องจากมีอาการข้างเคียงจากยารักษาโรคที่เคยรับไปจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย เนื่องจากตนเองมีโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนคนอื่นๆ ให้สาเหตุว่า ต้องการข้ามมาหาญาติที่อำเภอแม่สายและบางคนก็ต้องการจะไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่เพราะอยู่ในสภาวะตกงาน ไม่มีงานทำ ข้าวของมีราคาแพง หวังว่ามาหางานทำที่ไทยดีกว่า ปลอดภัยจากโรคโควิดอีกด้วย ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนเสร็จ ได้นำตัวบุคคลทั้งหมดส่งต่อให้กับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ด้านกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดชุมพร, จังหวัดเชียงราย, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดตาก, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดแม่ฮ่องสอน, จังหวัดระนอง และจังหวัดราชบุรี ที่มีเขตติดต่อกับประเทศเมียนมาและแจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำกำนัน ผู้ใหญ่บ้านของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ให้ระมัดระวัง ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

1.การเดินทางเข้ามาในประเทศผ่านช่องทางการเข้าออก ด่าน จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรฯ ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

2.บูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนเพื่อเพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง ป้องกันการเดินทางเข้าพื้นที่ของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน ซึ่งหากพบกรณีดังกล่าว ให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเข้มงวด

บัณฑิตย์  พันธ์พลากร ผู้สื่อข่าวผู้มิภาค จ.เชียงราย