เรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของครอบครัวแอลจีบีที จากชาย-หญิง สู่คู่รักเลสเบียน ไม่เปลี่ยนคือความรักในครอบครัวแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม
เจนนี บาร์เรตต์ วัย 37 ปี แต่งงานกับ ฌอน วัย 38 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข ให้กำเนิดลูกชายสองคน มอร์แกน วัย 13 ปี กับโทบี วัย 11 ปี แต่ปัจจุบัน สามีเปิดตัวเป็นข้ามเพศ ในชื่อใหม่ว่า ซาราห์ ส่วนเจนนี ยอมรับกับคู่ชีวิตว่า เธอเป็นเลสเบียน
ทั้งสองรู้จักกันผ่านเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแอริโซนา เดือนมีนาคม 2547 ซาราห์หรือฌอนในตอนนั้น ตกหลุมรักเจนนี แต่เธอมีแฟนแล้ว
3 ปีต่อมา ฌอนรู้ว่าเจนนีเลิกกับแฟน ก็ขอให้เพื่อนหนึ่งจัดปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อทั้งคู่ได้มาเจอกัน จากนั้นมา ทั้งสองแทบไม่เคยแยกจากกันเลย เจนนีเชื่อว่าฌอนคือคนที่ใช่ตั้งแต่เขานวดศีรษะเธอได้อย่างประทับใจในคืนนั้น ส่วนฌอนก็มั่นใจว่าได้พบผู้หญิงที่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกัน ทั้งสองย้ายไปอยู่ด้วยกันในปีสุดท้าย และเข้าพิธีแต่งงานเมื่อ 18 ธ.ค.2548
เวลานั้น เจนนีไม่เอะใจว่าคนรักสับสนเพศสภาพของตัวเอง แต่พอมองย้อนกลับไป พบว่ามีสัญญาณอยู่บ้าง ซาราห์มีอาการเหมือนกับเจ้าสาวสติแตก เจ้าสาวอยากแต่งงานง่ายๆแค่คนสองคน แต่เจ้าบ่าวขอจัดเต็ม ตั้งแต่ถ้วยโถโอชามจนถึงสถานที่ ส่วนเธอแค่ลองชุดกับไปปรากฎตัวในงานเท่านั้น
ทั้งสองให้กำเนิดลูกชาย มอร์แกน ในปี 2550 และ โทบี ในปี 2552
แม้ชีวิตแต่งงานมีความสุขดี แต่หากมองย้อนกลับไป เจนนีเสียใจที่รู้ว่าซาราห์ต้องกดตัวตนที่แท้จริง และหลังเปิดใจกันแล้ว เธอมารู้ภายหลังว่าซาราห์ปรารถนาแรงกล้าอยากใส่เสื้อผ้าผู้หญิงมาตลอด แต่รู้สึกละอายใจ เคยแอบลองบิกินีของแม่หรือเสื้อผ้าของน้องสาว พอเข้าวิทยาลัย คนรักของเธอได้แต่กดเก็บความปรารถนานั้นไว้
หลังจากลูกคนที่สองถือกำเนิด เจนนีเริ่มสังเกตนิสัยการซื้อของผิดปกติของซาราห์ ที่มักมีชุดนอนผ้าไหมที่ชัดเจนว่าเป็นแนวผู้หญิงติดไม้ติดมือกลับบ้าน และถามเธอว่าถ้าใส่จะดูประหลาดไหม ต่อมาซาราห์ซื้อเสื้อผ้าหลายชุดแบบผู้หญิงใส่หรือผู้ชายใส่ก็ได้ บางทีใส่ชุดนอนแบบเซ็กซี่ หรือสวมชุดหลายชั้นเพื่อใส่บราข้างใน ไม่ให้ใครเห็น “ฉันสังเกตว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่เมื่อไม่ได้ทำร้ายใคร เธอก็ปล่อยไป”
ซาราห์เริ่มเปลี่ยนจากใส่กางเกงบ็อกซอร์ มาเป็นชุดชั้นในผู้หญิง ผ่านไประยะหนึ่ง ก็โละเสื้อผ้าชั้นในผู้ชายทั้งหมด แต่เธอยังไม่ได้เอ่ยปาก ราวกับทั้งคู่เห็นพ้องกันเงียบๆว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ มันอาจเป็นวิธีอยู่รอดอย่างหนึ่งก็ได้
ภายใน 2 ปี ซาราห์หรือฌอนตอนนั้น มีเสื้อผ้าผู้หญิงเต็มตู้หลังที่สอง แต่แสร้งทำเป็นว่าทั้งหมดในตู้เป็นของภรรยา เมื่อมองย้อนกลับไป ได้แต่หัวเราะ เหมือนกับทั้งสองคิดเหมือนกัน แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้กันดีกว่า
ปี 2559 ซาราห์สวมเสื้อผ้าผู้หญิงขณะเริ่มสอนออนไลน์ โดยคิดว่าภรรยาคงไม่รู้ ส่วนลูกศิษย์อาจมองไม่เห็นว่าครูใส่เสื้อผ้าแบบไหน เมื่อเธอกับลูกๆอยู่นอกบ้าน ซาราห์ก็จะสวมรองเท้าส้นสูงและกระโปรง และตั้งนาฬิกาปลุก ราว 20 นาทีก่อนเวลาภรรยาและลูกกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนชุด
เจนนีตัดสินใจว่าจะรักษาความสัมพันธ์และอยู่กับซาราห์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะซาราห์คือคู่แท้ของเธอ มั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่พร้อม ซาราห์จะบอกเธอเอง แต่การซ่อนตัวตนนานวันเริ่มกระทบตัวเอง ซาราห์เก็บตัวและไม่เหมือนเดิม จนกลัวว่าคนรักกำลังซึมเศร้า กระทั่งมาถึงตอนที่ทั้งคู่สงสัยว่า มอร์แกน ลูกชายคนโตอาจเป็นเกย์ ทำให้ซาราห์เกิดแรงฮึด ถือกระจกขึ้นมาแล้วเปิดตัวว่าเป็นทรานส์
“หากเธอไม่ซื่อตรงกับมอร์แกน แล้วจะคาดหวังให้ลูกชายซื่อตรงกับตัวเองได้อย่างไร”
เจนนี เล่าว่า ซาราห์นอนกลิ้งอยู่บนเตียง ก่อนพูดว่า“มีเรื่องอยากจะบอก ผมคิดว่าเป็นคนข้ามเพศ” เมื่อนั้น เจนนีถึงได้รู้สึกตัวเหมือนกันว่า ทำไมเธอถึงสนใจฌอนตั้งแต่แรก นั่นเพราะความเป็นหญิงข้างใน ไม่ใช่เปลือกของเธอ เจนนีหันไปบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันคิดว่า ฉันเป็นเกย์”
หลายคนคงไม่เชื่อ แต่เจนนียืนยันว่า ไม่เคยรู้สึกถูกหักหลังหรือถูกโกหก เพราะว่าเมื่อความสัมพันธ์ไปถึงจุดนั้น เธอรู้แล้วว่าซาราห์เป็นทรานส์ (ข้ามเพศ) ส่วนเธอเองก็ผ่านการคิดทบทวน ตั้งคำถามกับตัวเองว่าหากเป็นอย่างที่คิดแล้ว เธอยังรับได้หรือไม่ จะเข้มแข็งพอหรือเปล่า ยังรักฌอนอยู่ไม่ คำตอบทุกครั้งคือ ใช่ เธอร้องไห้กับตัวเองหลายครั้ง แต่คำตอบยังคงเป็น yes และในเวลาเดียวกัน เธอเองก็มีสงครามส่วนตัว เธอเป็นเลสเบียน เธอแต่งงานแล้ว มีครอบครัวที่ดี แต่จะเปิดตัวตอนอายุ 30 กว่า เธอไม่เคยเข้มแข็งพอที่จะยอมรับเมื่อคิดถึงปัจจัยหลายอย่างทั้งครอบครัวและอื่นๆ กระทั่งมาถึงความคิดที่ว่า แล้วถ้าเป็นการแต่งงานกับผู้หญิงสักคน และซาราห์อาจเป็นข้ามเพศ ในที่สุด เธอก็พอใจกับแนวทางนั้น
ทั้งสอง ซึ่งเป็นครู จากเมืองฟีนิกส์ รัฐแอริโซนา เปิดใจคุยกันนับแต่นั้น แถมมารู้ตอนหลังว่าต่างฝ่ายต่างก็หาข้อมูลทางกูเกิลเงียบๆ เธอค้นหาว่า “สามีเป็นหญิงข้ามเพศ” ส่วนซาราห์ก็หาด้วยประโยคว่า “ผมเป็นทรานส์หรือเปล่า”
หลังซาราห์เปิดตัวเองกลางปี 2559 และมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป ทั้งสองจึงบอกลูก ซึ่งเธอพบว่าเด็กไม่ได้คิดซับซ้อนอะไรมากนัก เจนนีกับซาราห์อธิบายว่า พ่อมีสมองผู้หญิง อยู่ผิดร่าง และหมอกำลังจะแก้ไข โทนีรับได้ดี แต่มอร์แกนผิดหวัง อาจเป็นเพราะเขาสับสนเกินไป มอร์แกนนอนร้องไห้ในคืนนั้น แต่พอซาราห์ สัญญาว่าทั้งสองยังเล่นเกม Minecraft ด้วยกันได้ ก็หมดปัญหา “เวลานี้ ลูกชายเรียกว่า ซาราห์ว่า Eema ภาษาฮีบบรูว์ที่แปลว่า แม่
หลังผ่านการหารือจนพร้อมเริ่มการเปลี่ยนผ่าน ซาราห์ประกาศข่าวเปิดตัวบนเฟซบุ๊ก ในเดือนพ.ค.2560ก่อนเดินทางไปเที่ยวกับครอบครัวที่ฮาวาย 10 วัน ทุกคนให้กำลังใจหลังอ่านโพสต์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นสู่ฉากตอนใหม่สำหรับพวกเราทุกคน
น่าทึ่งที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของซาราห์ทีละน้อย เธอเริ่มมีรูปร่างเหมือนผู้หญิง มีหน้าอกเล็กน้อย หลังผ่านฮอร์โมนบำบัด 1 ปี ซาราห์ทำศัลยกรรมหน้าอกในเดือนตุลาคม 2561 ส่วนการผ่าตัดเปลี่ยนเพศอย่างสมบูรณ์ เดิมกำหนดในมิถุนายนปีนี้ แต่ติดโควิด-19 จนต้องเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า
เจนนีไม่คิดว่าการผ่าตัดจะทำให้อะไรเปลี่ยนไป แม้แต่ในห้องนอน “ตั้งแต่ซาราห์เปิดตัว เราใกล้ชิดกันมากกว่าที่เคย ในทุกๆเรื่อง และเมื่อเรามีสัมพันธ์ทางกาย เราก็ทำราวกับว่าส่วนนั้นของเธอ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น”
ครอบครัวได้โพสต์เรื่องราวการเดินทางเปลี่ยนผ่านบนอิสตาแกรม @jenniberr เพื่อพิสูจน์ว่า ความรักชนะทุกสิ่ง และต้องการแสดงให้คู่รักอื่นได้เห็นว่า ความสัมพันธ์ใดก็ตามสามารถดำรงอยู่หลังการเปลี่ยนผ่านได้ “เราภูมิใจมากกับครอบครัว LGBT ของเรา แต่เราพูดกันบ่อยๆว่า หลังจากมอร์แกนรู้ตัวว่าเป็นเกย์ ก็เหลือโทนีคนเดียว เขาพูดติดตลกว่า จะเปิดตัวเป็นไบเซ็กชวลเพื่อให้เข้าพวก”
ด้าน ซาราห์ก็กำลังนับวันรอให้ถึงวันผ่าตัดแปลงเพศปีหน้า เธอรู้สึกว่านั่นคือบทสุดท้ายของการเดินทาง และเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ยังกั้นการมองเห็นตัวเองเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง “ฉันเคยเกลียดเวลาเห็นร่างกายตัวเองและไม่อยากมองตัวเองเวลาเปลือย แต่ตอนนี้ เริ่มชอบกับสิ่งที่เห็นทีละส่วนทีละส่วน ไม่มีตำราเล่มไหนบอกเรื่องการเป็นทรานส์ รู้แต่ว่าอยากทำอะไร เป็นเรื่องที่วิเศษที่รู้ว่าเจนนีและลูกชายทั้งสองคนเป็นกำลังใจเสมอมา
ที่มา Daily Mail parrents
ข่าวที่เกี่ยวข้อง