เอาไม่อยู่ เกาหลีใต้ขยายมาตรการรักษาระยะห่างทั้งประเทศ เสี่ยงติดเชื้อพุ่งซ้ำรอยแทกู

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) แจ้งวันนี้(22 ส.ค.)ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 332 ราย จำนวนนี้เป็นติดเชื้อในประเทศ 315 ราย ดันยอดสะสมเป็น 17,002 ราย แต่ส่วนใหญ่รักษาหาย ยังอยู่รพ. 14,169  สถิติที่น่าวิตกอีกอย่างก็คือ 17เมืองใหญ่และจังหวัด พบผู้ติดเชื้อใหม่อย่างน้อย 1 ราย รวมถึงเกาะเชจู แหล่งตากอากาศยอดนิยม  ขณะการติดเชื้อไม่ทราบต้นตอ เพิ่มเกิน 20% เป็นอัตราสูงที่สุดตั้งแต่รับมือกับโควิด-19 

รัฐบาลเกาหลีใต้จึงตัดสินใจขยายมาตรการโซเชียล ดิสแทนซิง จากเดิมบังคับใช้เฉพาะในโซลและจังหวัดใกล้เคียง เป็นครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว พัค นึง-ฮู รัฐมนตรีสาธารณสุข แถลงว่า  นับจากวันอาทิตย์นี้ ( 23 ส.ค.) จะบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ในระดับ 2  ทั่วประเทศ (จากทั้งหมด 3 ระดับ ) จากปัจจุบัน โซล อินชอน และคยองกีเท่านั้นที่อยู่ภายใต้มาตรการนี้ นับตั้งแต่ต้นตอแพร่โรคขนาดใหญ่จากโบสถ์ ซาราง เชอิล กระจายเชื้อไปทั่วเมืองหลวง 
 

มาตรการรักษาระยะห่างระดับ 2 มีผลห้ามประชาชนรวมตัวตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปในอาคาร ส่วนกลางแจ้งห้ามรวมตัวเกิน 100 คน ปิดธุรกิจเสี่ยงสูงไม่ว่าจะคลับ และบาร์ การขายแบบเคาะประตูตามบ้าน  โรงเรียนกวดวิชาที่มีนักเรียน 300 คนขึ้นไป  บุฟเฟต์ คาราโอเกะ และร้านอินเทอร์เน็ต ส่วนการแข่งขันกีฬา รวมถึงฟุตบอลและเบสบอล กลับไปแข่งแบบไม่มีคนดู เปิดสถาบันของรัฐ อาทิ พิพิธภัณฑ์และห้องสมุด ข้าราชการให้ทำงานเหลื่อมเวลา และขอให้บริษัทจัดพื้นที่และเวลาทำงานเหมาะสม 

ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่ต่ำกว่า 3 ล้านวอน (ประมาณ 8 หมื่นบาท) แต่รัฐบาลให้เวลาบางธุรกิจเตรียมตัวก่อนปิดบริการ 1-3 วัน  บางจังหวัด เช่น คย็องซังเหนือ และคังวอน ให้เป็นข้อเสนอแนะ ไม่เป็นมาตรการบังคับ เนื่องจากการแพร่เชื้อยังต่ำ 

รัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้ กล่าวด้วยว่าว่า “เราอยู่บนทางแยก ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก” การแพร่เชื้อระยะสองกับสามจากโบสถ์ซาราง เชอิล ในโซล และจากการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเมื่อสุดสัปดาห์กลางเดือน จะเริ่มแพร่กระจายจริงจังนับจากสัปดาห์นี้  เป็นไปได้สูงที่เกาหลีอาจเจอยอดติดเชื้อรายวันพุ่งพรวดซ้ำรอยกับเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเริ่มต้นจากโบสถ์ชินชอนจี ในเมืองแทกู