ข่าว

อุทาหรณ์ผลของการตามใจปากกินจนค่าน้ำตาลพุ่ง อาการโคม่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อุทาหรณ์ผลของการตามใจปากกินจนค่าน้ำตาลพุ่ง จนอาการโคม่า เป็นประสบการณ์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ถูกมองข้ามเด็ดขาด

อุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ตามใจปาก อยากกินอะไรก็กินไปหมด จนสุดท้ายต้องนอน รพ.ด้วยอาการโคม่า ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านหญิงสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ถูกมองข้าม

สาวผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornkanok Komvichian ได้เขียนเรื่องราวไว้ดังต่อไปนี้ ซึ่งเรื่องนี้สามารถใช้เตือนใครหลายๆคน เป็นประสบการณ์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ถูกมองข้าม...

 

เกี่ยวกับการกินไปเรื่อย อยากกินอะไรก็กิน กระทั่งนาทีชีวิตที่ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ นาทีชีวิตที่หมอเดินมาบอกครอบครัวว่า "ไม่รอดนะ น้องน่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน" เบาหวานน้ำตาลสะสม

 

เบาหวานน้ำตาลขึ้นสูงทะลุ 500 โดยวัดครั้งแรกอยู่ที่ 530 ซึ่งค่าน้ำตาลของคนปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 70-120 เมื่อค่าน้ำตาลน้องสูงเกิน 500 ส่งผลให้เลือดเป็นกรด ปอดทำงานหนัก ค่ากรดด่างในเลือดเหลือเพียงเลขตัวเดียว (วัดครั้งแรก 2) จากปกติหมอบอกว่าจะอยู่ที่ 20+

 

อาการในตอนนั้น คือ นอนหอบ เหงื่อทะลักท่วมตัวอยู่ที่บ้านถ้าส่งไป รพ. ไม่ทัน คงได้นอนอืดอยู่บนเตียงในห้องนอนแน่ๆ
 

เมื่อไปถึง ต้องสอดท่อช่วยหายใจ 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็สุดแสนจะทรมาน จนแพทย์ พยาบาลต้องจับมัดมือ มัดเท้าไว้กับเตียง ฉีดยานอนหลับทุกชั่วโมงเพื่อพักปอด เจาะวัดน้ำตาลทุกชั่วโมงจนนิ้วพรุน เจาะเลือดไปตรวจจนระบมไปทั้งตัว เจาะให้น้ำเกลือจนไม่มีที่จะเจาะ ต้องย้ายมาเจาะที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ

 

เจาะเส้นเลือดทุกเส้นในร่างที่สามารถเจาะได้ ห้อยถุงน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อเต็มไปหมดด้วยอะไรก็ไม่รู้นับได้ 6 ถุง สอดสายท่อปัสวะ และสายอะไรบ้างไม่รู้ระโยงระยางเต็มเตียง

 

เริ่มแรกเดิมทีไม่มีอาการป่วยก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนออกเป็นน้ำสีน้ำตาลถึงดำ (สีเหมือนน้ำเป๊ปซี่) หายใจหอบเร็วเหมือนคนกำลังวิ่งอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างเริ่มทรุดลง ภาวะแทรกเริ่มเยอะขึ้น เข้า รพ. ตั้งแต่วันที่ 6-18 ก็ยังพักฟื้นอยู่

 

หญิงสาวท่านนี้ปิดท้ายว่า ขอเตือนสำหรับคนที่ชอบกินหวานจัด ดื่มน้ำอัดลม กินชานมไข่มุก กินกาแฟครีมน้ำตาลเยอะๆ ระวังไว้

 

สำหรับอาการของผู้ป่วยล่าสุดนั้น ตอนนี้ถอดท่อแล้ว หายใจเองได้ ต้องตรวจน้ำตาลทุกอาหาร 3 เวลาและให้ยาตลอด เพราะน้ำตาลยัง 300+ อยู่ การให้ยาคือ ฉีดใส่พุงตัวเองเท่านั้น และหากออกจาก รพ. ไปก็ต้องฉีดยาเอง แต่เนื่องจากตอนนี้ค่าน้ำตาลยังสูงมาก หมอเลยยังต้องให้พักฟื้นอยู่

 

อายุ 30 ปีทุกคนต่างตกใจกับค่าน้ำตาล อย่าชะล่าใจกับการใช้ชีวิต ความทรมานจนตอนนี้จำแทบไม่ได้ คนที่ทรมานที่สุดคือครอบครัวเรา ขอบคุณข้อมูลจากผู้เฝ้าไข้

 

 

CR เฟซบุ๊ก : Pornkanok Komvichian

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ