"หญิง กัญญา" เปิดใจทั้งน้ำตา ฝ่ามรสุมชีวิต หนี้ 20 ล้าน ในเมื่อเราอยากมีชีวิตอยู่ ก็ต้องสู้ทุกทาง แม่สอนให้เราอย่าอายทำกิน แต่ให้อายถ้าเราเป็นคนเลว
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักสู้สาวสวยเลยก็ว่าได้ สำหรับ "หญิง กัญญา" ไรวินท์ นักแสดงสาว พิธีกร ได้เปิดใจผ่านรายการเจาะใจ ถึงมรสุมชีวิตครอบครัวจากเคยร่ำรวย สุขสบาย บ้านโดนยึด เป็นหนี้ 20 ล้าน ในเมื่อเรายังไม่อยากตาย ก็ต้องสู้ต่อไป
ปัจจุบันทำงานอะไร ?
เป็นพิธีกรรายการข่าวบันเทิง ดีเจ และมีธุรกิจร้านทำผม และโรงเรียนกวดวิชา มีคลื่นวิทยุของตนเองที่เชียงใหม่
เกี่ยวกับวิกฤติที่เราเคยผ่านมาด้วยมั้ย ?
เกี่ยวค่ะ เพราะว่าเรากลัวจน มีอะไรทำได้ ทำหมด ที่ผ่านมาทำงานด้วยตนเองคนเดียวมาตลอดเราเคยคิดว่าถ้าเราป่วย รายได้หายเลย เพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการอะไร
เราก็ทดลองทำธุริกจ เจ๊งบ้างก็มี พอมีบทเรียนก็มีความช่วยเหลือจากเพื่อนๆและหุ้นส่วน
เป็นธุรกิจที่สานต่อจากครอบครัวมั้ยหรือทำเอง ?
เป็นธุรกิจของเราเองหมดเลย เรามาเริ่มเอง แต่เราไม่ได้เป็นหญิงที่เป็นตัวหลัก เช่นร้านทำผม ตอนนั้นเราก็ไปหุ้นไปกับเขาด้วย ตอนนั้นคลื่นวิทยุ อยู่ดีดีคลื่นปิด เพื่อนก็ตกงาน เพื่อนมาถามว่าเราหุ้นมั้น เราก็เลยช่วยเขาด้วย
ต้มยำกุ้งปี 40 ตอนนั้นเราเป็นยังไง ?
ตอนนั้นพ่อเราทำธุรกิจซุปก้อน ตอนนั้นเราไมได้ช่วยธุรกิจอะไรพ่อ แต่ตอนเด็กๆเราไม่เคยลำบาก ได้ไปเที่ยวต่างประเทศตลอดเราเป็นเด็กฟุ้งเฟ้อตั้งแต่เด็กๆ เราถือกระเป๋าหลุยส์ตั้งแต่ ม.4 เรียนขับรถเราใช้รถเบนซ์เรียน
กลิ่นอายความหายนะมายังไง ?
วันหนึ่งเรานั่งรถเพื่อนไป มาถึงบ้าน รถเราหายไป ก็ถามพ่อว่ารถเราที่จอดหน้าบ้านหายไปไหน พ่อก็บอกว่า เอาไปให้ที่โรงงานใช้ตอนนั้นเราก็คิดว่าทำไมต้องเอาใช้ด้วยหละ เวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ก็เริ่มสงสัยทำไมรถเรายังไม่กลับ พ่อบอกว่ารถที่โรงงานโดนยึด
เลยต้องเอารถหญิงไปใช้ เพราะวันนั้นเราเจอหมายศาลแปะอยู่หน้าบ้าน บอกว่าบ้านนี้จะโดนยึด หลังจากนั้นเรารู้แล้วว่าสถานการณ์เราไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างที่บ้านพี่สาวกับน้องชายเรียนที่อังกฤษ น้องชายต้องโดนเรียกตัวกลับมา ส่วนพี่สาวใกล้จะจบแล้ว พ่อแม่ก็ต้องกัดฟันอดทนส่งต่อ ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตกันไปหมด
หายนะไปถึงขั้นไหน ?
สมัยนั้นเราล้มละลาย และไม่ได้ล้มบนฟูก และคุณแม่ไปกู้เงินส่วนตัวเอามาค้ำบริษัทในตอนนั้น ทำให้เป็นหนี้เยอะ แม่สอนอยู่เสมอว่าอย่าอายถ้าเราจน ให้อายถ้าเราเลว หลังจากนั้น ของแบรนด์เนมต่างๆเอามาขายหมดเลยที่ตลาดนัด และย้ายจากบ้านที่กำลังจะโดนยึดตอนนั้นเขาให้เราผ่อนแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว 97,000 บาทต่อเดือนก็เลยทิ้งดีกว่า ไปซื้อบ้านหลังเล็กลงมา 4 ล้านกว่าบาทแล้วมาผ่อนเอา
ถึงขนาดไม่มีเงินในตัวเลยมั้ย ?
ตอนนั้นเรามีเงินเหลืออยู่แค่ 500 บาท เพื่อนก็จะแบ่งข้าวให้เรากิน แต่ถ้าหนักที่สุดทั้งครอบครัวเหลือแค่ 3,000 บาท
เห็นบอกว่ามีเหตุการณ์ที่จำเป็นต้อ'ไปทำแต่คนคิดว่าเป็นคุณหนูมาถอนเงิน ?
ตอนนั้นไปธนาคารเบิกเงิน 7 แสนบาท ต้องเอาเงินไปประกันตัวคุณพ่อ เพราะโดนคดีเช็ก พนักงานธนาคารทักว่า เราจะเอาเงินไปดาวน์รถหรอเรานี้หน้าชาเลย เวลาไปแคสงานโฆษณาก็โดนคนด่า หาว่ารวยแล้วจะมาแย่งงานคนอื่นทำไม แต่ก่อนหน้านั้นงานโฆษณาคือแหล่งรายได้หลักของเรา เมื่อก่อนถ่ายโฆษณาใน 2 ปี 40-50 ตัวเพราะเราเป็นคนเปลี่ยนทรงผมบ่อยมาก ตอนนั้นเราไปหมดเลย ทุกงาน
สมมติคนเราเกิดมาโชคดี ได้อยู่ในสถานะที่สบาย แต่ในความเป็นจริงพอเจอวิกฤติ มันย่ำแย่กว่ามั้ย ?
ใช่ค่ะ มันเป็นคำที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เราเล่าให้ทุกคนฟังไม่ได้ เราน้ำตาตกในมาก ที่สำคัญห้ามหน้าบาง และต้องยอมรับตอนนั้นที่บ้านไม่มีรายได้แล้ว มีแต่หนี้เท่านั้น
อะไรเป็นส่วนหล่อเลี้ยงให้ผ่านช่วงนั้นมาได้ ?
เราคิดแค่ว่าเราอยากให้พ่อแม่เราสบายมีหน้ามีตาในสังคม เราโชคดีคือครอบครัวเรารักกันไม่มีใครว่าหรือด่ากันเอง
วิธีปลอบใจกันและกันทำยังไง ?
พ่อก็แอบจะซึมๆในตอนนั้น ส่วนแม่ร้องไห้บ่อยมากร้องจนเราเบื่อ แต่สักพักเราก็เข้าใจ เวลามันท้อ มันท้อจริงๆ ในเมื่อเราไม่อยากตาย ในเมื่อ 2 มือ 2 ขา เรายังมีอยู่ ไม่เลือกงานไม่ยากจน
CR.รายการเจาะใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง