ข่าว

"ตรีชฎา" ฟาดกลับ รองโฆษกรัฐบาล อายุรัฐบาลเหลือน้อยเต็มทน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ตรีชฎา" ฟาดกลับ รองโฆษกรัฐบาล อายุรัฐบาลเหลือน้อยเต็มทน ท้า "บิ๊กตู่" เอาตำแหน่งเป็นประกัน ถ้าเศรษฐกิจพังต่อ ต้องลาออกภายใน 3 เดือน

18 สิงหาคม 2563 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ  เป็นห่วงรัฐบาลประยุทธ์ 2/2 นับเวลาถอยหลังเหลือน้อยเต็มทน หลังจากที่ นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีต รมว.พลังงาน ได้วิพากษ์วิจารณ์ การที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ตั้ง ศบค. เศรษฐกิจ และมีคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ  ซึ่งจะเป็นการซ้ำซ้อนและยิ่งจะทำให้แก้เศรษฐกิจไม่ได้   แต่รัฐบาลได้ให้ นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้พร้อมยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวจะไม่ซ้ำซ้อน และจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ อีกทั้ง ยังจะมีการตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีกคือ คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ที่ประกอบด้วย รัฐมนตรีถึง 29 ท่าน ซึ่งยิ่งซ้ำเติมความสับสนเข้าไปอีก 


          

จึงอยากให้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณให้ พลเอกประยุทธ์  ได้กลับไปศึกษาว่าในอดีต  พลเอกประยุทธ์ ตั้งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจแบบไหนแล้วสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้บ้าง  เพราะถ้าแก้ได้เศรษฐกิจเวลานี้คงไม่แย่หนักขนาดนี้  ไม่ใช่สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ออกมาบอกต่อสาธารณะว่าหลังจากการยึดอำนาจปี 2557 เศรษฐกิจดี เพราะการที่เศรษฐกิจดีไม่ใช่แค่การอ้างอิงตัวเลขจากฐานข้อมูลอย่างเดียว  แต่ควรจะไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวเมืองบ้างว่าในเวลานี้คนไทยยิ้มแย้มมีความสุขกับเงินในกระเป๋าแค่ไหน เขามีเงินเพียงพอดำรงชีวิตในวันนี้หรือไม่ กินข้าวกับอะไร ลูกมีเงินไปโรงเรียนมั๊ย
            

และการที่ พลเอกประยุทธ์เห็นว่า ศบค. ทางด้านสาธารณสุขแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิดได้ ก็เลยคิดว่าจะตั้ง ศบค. เศรษฐกิจ ยิ่งตอกย้ำว่า พลเอกประยุทธ์ไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจเลย เพราะกลไกทางเศรษฐกิจซับซ้อนกว่าการป้องกันโรคมาก และวิธีดำเนินการก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้ง  เพราะป้องกันโรคอย่างเข้มงวด และการคง พ.ร.ก. ภาวะฉุกเฉิน มันบ่งบอกถึงการออกมาเพื่อผลทางการเมือง เพราะกลัวนักศึกษาไล่ทั้งประเทศ ไม่ใช่เพราะเรื่องป้องกันโรคอย่างที่พยายามอ้าง จึงทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่จนถึงปัจจุบัน
           

การที่ พลเอกประยุทธ์ ตั้งคณะกรรมการมากมายยิ่งตอกย้ำว่า 1) การประชุม ครม. ไม่มีประโยชน์ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถสั่งการใน ครม. แล้วใช่หรือไม่  2) การประชุม ครม. เศรษฐกิจไม่เกิดผล เพราะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจขาดความรู้ความสามารถที่จะสั่งการและจี้ให้เกิดผลการดำเนินงานได้แล้วใช่หรือไม่ 3) ยิ่งตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ที้มีรัฐมนตรีถึง 29 คน ก็เกือบเท่า ครม. ทั้งหมดแล้ว จะต่างอะไรกับการประชุม ครม. ซ้อนครม. เท่ากับมีครม. 2 คณะ แบบนี้หรือคือวิถีคิดของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้
           

นอกจากนี้ ประเด็นการตั้งนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง เพราะปฏิเสธการเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้  เมื่อไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วจะเอาอำนาจอะไรไปสั่งปลัดกระทรวง  ซึ่งถ้าสั่งงานออกไปขัดกับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงต้องฟังใคร มันน่าจะยิ่งทำให้สับสนใช่หรือไม่ คนเป็นปลัดกระทรวงคงต้องกินยาปวดหายปวดหายอีกหลายรอบ
            

แล้วการที่ พลเอกประยุทธ์  ไม่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ  แต่จะอาศัยคนอื่นมาทำงานด้านเศรษฐกิจ  แต่เวลาออกหน้าคนไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คนลงเรือแป๊ะยิ่งงงว่าแป๊ะจะพาไปทางไหน  เพราะแป๊ะไม่มีความชำนาญเรือจะล่มกันหมด  ก็น่าจะลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและหาคนที่เก่งและรู้เรื่องเศรษฐกิจอย่างแท้จริงมาสั่งการจะดีกว่า การตั้งคณะกรรมการซ้ำซ้อนและมั่วแบบนี้ จะไม่มีทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เลย 
          

และ ถ้าพลเอกประยุทธ์มั่นใจว่าตั้งคณะกรรมการซ้ำซ้อนแล้วแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ อยากให้พลเอกประยุทธ์เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นประกัน ว่าหากภายในเวลา 3 เดือน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น  พลเอกประยุทธ์จะลาออกไป เพื่อรับผิดชอบความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์จะกล้ารับคำท้าหรือไม่ ก่อนประเทศจะพังไปกว่านี้ ถึงเวลานั้นเรือแป๊ะรั่ว จะมีแต่คนกระโดดหนีจากเรือแป๊ะเอาตัวรอด แล้วปล่อยให้แป๊ะอยู่ในเรือคนเดียว แล้วเรือรั่วค่อยๆ จมกลางทะเลที่ลมแรง พายุโหมกระหน่ำ ปิดตำนานแป๊ะ ถึงเวลานั้นจะมาคิดถึงคนชื่อ พิชัย ไม่ทันกาล” นางสาวตรีชฎา กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ