หวั่นอิทธิพล ญาติสาวท้อง 9 เดือนถูกยิงดับ ร้องโอนคดีให้กองปราบฯ

 

วันนี้ 14 ส.ค. 2563 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมครอบครัวของนางสาวรุ่งทิพย์ แสงจันทร์ อายุ 29 ปี ซึ่งท้อง 9 เดือน ที่ถูกยิงเสียชีวิต เดินทางมาจากจังหวัดเพชรบุรีเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้โอนคดีจากพื้นที่มาให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการสืบสวนสอบสวนแทน

 

เนื่องจากสามีผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จึงหวั่นว่าจะมาแทรกแซงวิ่งเต้นคดี เนื่องจากได้รับประกันตัวออกมา โดยมี พ.ต.อ.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ นักวิทยาศาสตร์สัญญาบัตร 5 กองพิสูจน์หลักฐานปฏิบัติหน้าที่เวรอำนวยการ ตร. เป็นผู้รับมอบหนังสือ

 

 

 

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มีคำสั่งโอนคดีดังกล่าวมาที่กองบังคับการปราบปราม เพราะทางครอบครัวผู้ตายไม่เชื่อมั่นตำรวจในพื้นที่ว่าจะให้ความเป็นธรรมในคดีนี้ได้ เนื่องจากผู้ต้องหามีความสนิทสนมกับตำรวจในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และคดีนี้มีหลายประเด็นเรื่องเก็บพยานหลักฐานที่ยังสงสัยว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ และสามารถเก็บได้ทุกอย่างหรือไม่ ส่วนการขอออกหมายจับมาแล้วมั่นใจไหมว่าจะสามารถเอาผิดในชั้นศาลได้ จึงต้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดส่งชุดสืบสวนสอบสวนมือดีเข้ามาคลี่คลายคดีนี้ให้กระจ่าง

 

 

ทนายรณณรงค์ กล่าวอีกว่า ผู้หญิงตั้งท้องอีก 2 สัปดาห์จะคลอด ไม่มีใครคิดจะยิงตัวตาย และตอนแรกสามีบอกว่ายิงโดยใช้ปืนกรอกไปที่ปาก แต่ปรากฎว่าวิถีกระสุนยิงจากช่วงหัวลงมาด้านล่าง การยิงแบบนี้เป็นท่ายาก คนมักจะไม่ใช้กัน ต้องสันนิษฐานก่อนว่าอาจจะถูกฆาตกรรม ส่วนการที่ศาลให้ประกันตัวนั้นถือเป็นดุลยพินิจของศาล แต่โดยส่วนตัวทางครอบครัวกลัวเรื่องความปลอดภัย และอยากให้เร่งรัดคดีและโอนสำนวนให้กองปราบปรามทำ

 

 

นางศรีประไพ มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ลูกสาวมาหาในฝันบอกให้ช่วยไปรื้อคดีให้หนูหน่อยนะแม่ อย่าให้หนูตายฟรีนะแม่ ซึ่งแม่เชื่อว่าลูกยังไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวคนทำผิดลอยนวล อีกไม่กี่วันหลานจะได้เห็นโลกแล้ว แต่มีคนใจร้ายฆ่าทั้งแม่และลูก อยากให้คืนความเป็นธรรมให้ลูกสาวแม่ด้วย ทั้งนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังเกิดเหตุพ่อของผู้ต้องหาบอกว่า อย่ามาเอาเรื่องกับลูกเขาเลย ซึ่งมองว่าหากลูกเขยไม่ได้กระทำผิดจริง ทำไมต้องมาขอไม่ให้เอาเรื่อง

 

 

 

น.ส.เฉิดโฉม คำตัน พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า กลัวฝ่ายชายมีอิทธิพล เนื่องจากเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและพกพาอาวุธปืนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เกิดเหตุมีเพื่อนร่วมนั่งวงกินเหล้าด้วยประมาณ 2 คน รวมสามีด้วยก็เป็น 3 คน ทุกคนพกอาวุธปืน เขาให้การกับตำรวจว่าเขากินเหล้าแล้วน้องสาวตนไปด่าว่าส่งเสียงดัง เปิดเพลงเสียงดัง กินเหล้า แล้วจึงเกิดการทะเลาะกันเกิดขึ้น ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะปกติน้องตนจะเป็นคนที่ไม่ตามสามีอยู่แล้ว ทั้งนี้สงสัยเรื่องประเด็นชู้สาวว่ามีปัญหานี้จริงหรือไม่ ก่อนน้องเสียชีวิตไม่เคยเล่าปัญหาเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวว่าเป็นอย่างไร ไม่เคยเล่าว่าเคยทะเลาะกัน มารู้อีกทีน้องก็โดนยิงแล้ว

 

 

น.ส.เฉิดโฉม กล่าวอีกว่า ที่ตนต้องออกมาร้องเรียนเพราะหลังเกิดเหตุพ่อของสามีน้องสาวกลับให้คนเอาน้ำอัดลมมาล้างคราบเลือด รวมถึงคำให้การที่ไม่สอดคล้องกันผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ให้ปากคำว่า ยิงปืนผ่านทางปาก ทะลุออกศีรษะด้านบน แต่ผลชันสูตรพบว่าวิถีกระสุนเป็นการยิงจากศีรษะลงมา ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับสามีผู้ตาย และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

 

น.ส.เฉิดโฉม กล่าวต่ออีกว่า ทางครอบครัวกลัวน้องจะตายฟรี จึงมาขอความยุติธรรมทวงคืนให้น้อง อยากให้ช่วยเร่งคดีให้ เพราะกลัวคดีน้องจะเงียบ อยากให้คนร้ายที่ทำถูกลงโทษให้ถึงที่สุด อยากถามคนที่ฆ่าน้องตนว่า ทำไมต้องฆ่าน้องและฆ่าลูกในท้องด้วย ทำไมใจถึงโหดเหี้ยมอำมหิตเลือดเย็น