
บันทึกชีวิต2ตัวประกันไทยใต้อุ้งมือกบฏ"ไนจีเรีย"
ใครจะคาดคิดว่าเรือขุดเจาะน้ำมันในทะเลไนจีเรีย จะถูกโจรสลัดบุกเข้ายึดพร้อมจับคนงานนับสิบคนเป็นตัวประกันและสองคนในจำนวนทั้งหมดคือ สมศักดิ์ หมัดหมอ และ อารักษ์ สุวรรณา ชีวิตเหมือนอยู่บนเส้นด้าย เสียงกระสุนที่ลั่นจากอาวุธสงครามนานาชนิดยังก้องอยู่ในหูจนทุ
เวลา 7 โมงเช้า วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2549 ขณะที่สมศักดิ์กำลังพักผ่อนอยู่กับเพื่อนร่วมงานชาวอินเดีย หลังจากทำงานในช่วงเวรกลางคืนเสร็จสิ้น บริเวณหัวเรือขุดเจาะน้ำมัน จู่ๆ เรือเร็วลำหนึ่งบรรทุกชายฉกรรจ์กว่า 10 คน มีอาวุธสงครามครบมือก็แล่นตรงเข้ามา วินาทีนั้นกองกำลังนอกกฎหมาย ก็กราดปืนยิงขึ้นฟ้าแบบบ้าคลั่ง พร้อมเสียงตะโกนที่ "สมศักดิ์" จับใจความไม่ได้ ไม่กี่นาทีต่อมาชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ปีนป่ายขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ
“สมศักดิ์” รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบวิ่งไปปลุก “อารักษ์” เพื่อนร่วมงานคนไทยที่ยังคงนอนหลับอยู่ในห้องพักคนงาน เพื่อหนีไปหลบใต้ท้องเรือ พร้อมกับความคิดว่าโอกาสที่จะรอดกลับบ้านมีน้อยมาก
ระหว่างกลุ่มติดอาวุธยังคงยิงปืนข่มขู่คนงานบนเรือทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง เสียงปืนคำรามกึกก้องกลางทะเลนานราวครึ่งชั่วโมง เมื่อทุกอย่างสงบลงโจรสลัดได้ควบคุมคนงานทั้งหมด 8 คน รวมทั้งสมศักดิ์และเพื่อน
"พยายามคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงเป็นการขู่เท่านั้น ไม่น่าจะจับตัวคนไทยไปเป็นตัวประกันด้วยเพราะไม่มีประโยชน์สำหรับกลุ่มกบฏ แต่ความหวังก็เริ่มริบหรี่เพราะเมื่อออกมาที่กราบเรือพบว่ากลุ่มกบฏไม่ได้มาเพียงลำเดียว" สมศักดิ์เล่าเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้นไป
สมศักดิ์บอกว่า มีเรือเร็วอีก 6 ลำแล่นเข้ามาจอดขนาบรอบเรือใหญ่ มีชายฉกรรจ์กระจายเต็มดาดฟ้า ตัวประกันทั้งหมดถูกกวาดต้อนลงเรือเร็ว ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดไม่ว่านาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ตัดการสื่อสารจากโลกภายนอกทั้งหมด โดยกลุ่มกบฏแจ้งว่าสาเหตุที่มีการจับตัวประกันเพราะต้องการให้ทหารถอนกำลังที่มีอยู่ออกไป พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง แต่ถ้าทหารโจมตีพวกเขาก็จะเอาตัวประกันเป็นเกราะกำบัง
“ตอนที่ฟังคำแถลงอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มกบฏ ผมกลัวมากเนื่องจากไม่รู้ว่าทหารจะใช้กำลังหรือไม่ ตัวประกันทั้งหมดถูกนำตัวลงเรือเล็กลัดเลาะไปตามแม่น้ำสายเล็กๆ ในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้เกิดการปะทะขึ้นเลยเพราะถ้าไม่โดนกลุ่มกบฏฆ่า ก็อาจโดนลูกหลงจากคมกระสุนก็เป็นได้” สมศักดิ์ เล่าย้อนความหลัง
ระหว่างเส้นทางที่กองกำลังติดอาวุธนำตัวประกันผ่านไป โชคดีที่ไม่มีการปะทะกัน ไม่นานตัวประกันทั้งหมด ก็ถึงฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏ ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธมารอรับกว่า 100 คน แต่ละคนเป่าปากโห่ร้องด้วยความดีอกดีใจเหมือนเพิ่งทำศึกใหญ่กลับมา ผิดกับตัวประกันทั้งหมดที่ปิดปากเงียบเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ค่ำวันเดียวกันนั้นตัวประกันทั้งหมดก็ถูกต้อนลงเรืออีกครั้ง เพื่อไปฐานบัญชาการใหญ่ ขณะที่ตัวประกันทั้งหมดยังไม่รู้ชะตากรรมเนื่องจากความมืดประกอบกับสายน้ำที่คดเคี้ยวจึงไม่รู้ว่า เรือกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน การเดินทางใช้เวลานานพอสมควร ก่อนถึงฐานบัญชาการ สมศักดิ์เห็นอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 หลัง เครื่องปั่นไฟ เครื่องอำนวยความสะดวกที่พึงมีคือ ทีวี พัดลม และเครื่องปรับอากาศ
กลุ่มกบฏได้นำอาหารมื้อแรกมาให้ มีทั้ง สตูเนื้อ ขนมปังเนย บะหมี่สำเร็จรูป และชา แต่ตัวประกันทั้งหมดกำลังอยู่ในอาการเครียดจึงไม่ยอมแตะต้องอาหาร ก่อนถูกนำไปขังรวมกันในห้องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นัก
“คืนแรกทรมานมากผมนอนไม่หลับ เวลาก็ผ่านไปช้าเหลือเกิน ตลอดเวลาก็ภาวนาว่า ขอให้ได้เจอหน้าลูกเมียและปลอดภัย พอตื่นเช้ามาเราก็ได้กินอาหารแบบเดียวกับเมื่อวานที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่ถูกทรมาน แต่ก็ไม่มีข่าวสารของพวกเราออกในหนังสือพิมพ์หรือทีวีท้องถิ่นเลย” สมศักดิ์ กล่าว
ตัวประกันทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ราว 4 วัน ซึ่งทุกวันเต็มไปด้วยความเครียด กระทั่งถึงวันที่ห้าของการคุมขัง ตัวประกันทั้งหมดเกือบช็อกเพราะกลุ่มกบฏแต่งเครื่องแบบเต็มยศ พร้อมอาวุธครบมือ บางคนสวมผ้าคลุมหน้า ตรงเข้ามาควบคุมตัวทั้งหมดออกจากฐาน ทุกคนเริ่มวิตกและหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นไม่นาน สมศักดิ์กับเพื่อนทั้งหมด ถูกนำตัวมาที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อให้ช่างภาพอิสระชาวไนจีเรียบันทึกภาพเพื่อเผยแพร่ถึงจุดประสงค์ของการกระทำในครั้งนี้
“ผมพูดเป็นภาษาไทย จำได้ว่าต้องการให้ทางการไทยติดต่อกับทางการไนจีเรียโดยเร็วว่ากลุ่มกบฏต้องการอะไร หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้รีบเร่งช่วย ส่วนพวกผมทุกคนสบายดี” สมศักดิ์ เท้าความเหตุการณ์วันนั้น
สมศักดิ์เริ่มมีความหวัง รอการปลดปล่อยหลังจากเขาได้เห็นคำสัมภาษณ์ของตัวเอง ปรากฏในช่องซีเอ็นเอ็นเผยแพร่ไปทั่วโลก เชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคงไม่ปล่อยเขาไว้ในสภาพแบบนั้น และความหวังก็เริ่มฉายขึ้นเมื่อหัวหน้ากลุ่มกบฏรับปากว่าจะมีการปล่อยตัวประกันเร็วๆ นี้ และนั่นเป็นคืนแรกที่สมศักดิ์หลับอย่างเต็มตา
แล้วอิสรภาพก็มาถึงในวันที่ 12 มีนาคม 2549 เวลา 6 โมงเย็น หรือ 21 วันหลังจากถูกกองกำลังติดอาวุธจับกุม ตัวประกัน 5 คนได้รับอิสรภาพ ยกเว้นชาวอเมริกัน 2 คน และชาวอังกฤษ 1 คน “สมศักดิ์และอารักษ์” เดินทางกลับประเทศไทยทันที ซึ่งเมื่อถึงประเทศไทยทั้งสองให้สัมภาษณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อได้รับการปล่อยตัว เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ปมเหตุการจับตัวประกัน
พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไนจีเรีย ปี 2519 รัฐบาลไนจีเรียเปิดให้บริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานทรัพยากรน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว ชนพื้นเมืองราว 40 กลุ่ม กว่า 20 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อนจึงเกิดการต่อต้านจากหลายกลุ่ม
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 กองกำลังปลดปล่อยสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ หรือเมนด์ (MEND: The Movement for the Emancipation of the Niger Delta) ภายใต้การนำของนายพล ก็อดส์วิลล์ ทามูโน ได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า แหล่งน้ำมันธรรมชาติที่มีอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ตกอยู่ในเงื้อมมือของบริษัทต่างชาติซึ่งผลาญทรัพยากรและทำลายสิ่งแวดล้อมซึ่งควรจะเป็นของชาวไนจีเรียทุกคน กองกำลังฯ จึงคิดจะ "ทวงคืน" แหล่งน้ำมันซึ่งควรจะเป็นทรัพยากรของประเทศ จึงขีดเส้นตายให้บริษัทต่างชาติย้ายออกไปในเวลาเที่ยงคืนวันเดียวกัน
หลังจากคำประกาศนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีหลายบริษัททำตามเส้นตายดังกล่าว มีเพียงบริษัทที่สมศักดิ์และอารักษ์ทำงานอยู่ที่ยังขัดขืน จนลุกลามเป็นเหตุการณ์จับตัวประกัน 8 คนบนเรือขุดเจาะน้ำมันเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2549



