สูญนับล้าน "ช.อ้น ณ บางช้าง" โร่แจ้ง ปอศ. ถูกตุ๋นขายพระธาตุปลอม

 

วันนี้ 21 ก.ค. 2563 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) "ช อ้น ณ บางช้าง" พร้อมด้วยนางสาวพัสกร ยาชูชีพ บุตรสาวบุญธรรม, นางสาวภูริดา เจริญชัยวาณิชย์ นักธุรกิจสาว และทนายความ เข้าแจ้งความกรณีที่โดนกระบวนการหลอกขายพระบรมสารีริกธาตุ และออกใบอนุโมทนาบัตรปลอม มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท

 

โดย นางสาวพัสกร เผยว่า ตนเองได้ไปทำบุญที่วัดถ้ำเขาวง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และเจอกับชายรายหนึ่งที่รู้จักกันมาประมาณ 2 ปี ชวนให้ทำบุญพระบรมสารีริกธาตุ โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่านั่งสมาธิแล้วพระธาตุเสด็จมาที่บ้าน ตนกับเพื่อนหลงเชื่อจึงทำบุญถวายเงินไปร่วม 200,000 บาท และได้พระธาตุกลับมาบูชาที่บ้าน พร้อมกับใบอนุโมทนาบัตร ซึ่งพระธาตุที่ได้มาจะถูกบรรจุอยู่ในเจดีย์พลาสติกใส เพื่อเอาไว้ใช้ตั้งบูชา

 

"ตนไม่เคยเปิดดู และไม่เคยจับต้องเพราะเชื่อว่าเป็นของสูง แต่ภายหลังมีนางสาวภูริดาที่ร่วมทำบุญพระธาตุด้วยกันมาให้ข้อมูลว่าพระธาตุที่ได้รับมามีสีสันเกินกว่าปกติ ต่างจากพระธาตุที่เคยมี ตนเองจึงนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูด้วยสายตาพบว่าเป็นพระธาตุปลอม จึงตัดสินใจนำไปให้สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตรวจสอบพบว่าองค์ประกอบในพระธาตุดังกล่าวทำมาจากทองแดง หิน กรวด เรซิ่น รวมทั้งเกลือ ไม่ใช่กระดูก จากนั้นได้นำใบอนุโมทนาบัตรให้ฝ่ายบัญชีของบริษัทยื่นลดภาษี ปรากฏว่าทางสรรพากรแจ้งกลับมาว่าขาดองค์ประกอบ ทำให้เชื่อว่าเป็นใบอนุโมทนาบัตรปลอม"

 

 

 

ด้าน นางสาวภูริดา นักธุรกิจสาว ระบุว่า ส่วนตัวที่คิดว่าพระธาตุเป็นของปลอม เพราะสามีและตนเองเป็นคนปฏิบัติธรรมมาตลอดและมีพระธาตุอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงยังอยู่ในกลุ่มคนที่มีพระธาตุที่ไม่ได้เป็นการค้าขาย สังเกตุเห็นว่ามีรูปร่างและสีสันผิดไปจากที่เคยพบมา เมื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก็พบว่าไม่ใช่ของจริง ซึ่งตนได้พยายามแจ้งไปที่ชายคนดังกล่าว แต่ได้รับการข่มขู่ อ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน และยังเป็นคนสนิทนักการเมือง หากตนเองยังเดินหน้าแจ้งความหรือบอกว่าพระธาตุเป็นของปลอม จะฟ้องกลับทุกคนทันที

 

 

"ซึ่งในวันนี้ที่ตัดสินใจเข้าแจ้งความเพราะต้องการปกป้องพระศาสนาจากคนไม่ดี และไม่ต้องการให้ชายคนนี้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังมีการโพสต์ไทม์ไลน์ขายพระธาตุอยู่เช่นเดิม ซึ่งในวันนี้จะดำเนินการแจ้งความเอาผิดในฐานฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะนำใบอนุโมทนาบัตรไปขอให้สำนักพุทธศาสนา ตรวจสอบว่าเป็นของวัดจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ใช่ของจริงก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารอีกข้อหาเช่นกัน"

 

 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ก่อนจะประชาสัมพันธ์ให้เข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. อีกครั้ง เนื่องจากมีการแบ่งส่วนงานรับผิดชอบใหม่แล้วสำหรับกองบัญชาการสอบสวนกลาง