สระแก้ว คุมเข้มชายแดน ป้องกันแรงงานลักลอบเข้าไทย หวั่นโควิด-19 ระบาด รอบ 2

ตามที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้กวดขันจับกุมปราบปรามการกระทำความผิตเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบตร. ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 234/2563 ลง 4 เมย.63 จัดตั้ง สืบเนื่องจากวิกฤตสถานการณ์โควิดซึ่งมีการระบาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทางรัฐบาลโดย ศบค.ได้กำหนดมาตรการปิดด่านเข้าออกประเทศทั้งหมด ทำให้สถานการณ์ในประเทศดีขึ้น ประเทศไทยปราศจากตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศมาเป็นเวลาเกือบสองเดือน คงมีแต่ผู้มีสัญชาติไทยที่มีสิทธิและประสงค์จะเดินเข้าประเทศซึ่งมีการตรวจพบเชื้อ และถูกกักตัวอยู่ใน state quarantine (สถานที่กักกันโรคของรัฐ) เท่านั้น 

แต่ด้วยสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้น ทำให้ทิศทางด้านเศรษฐกิจดีมีการจ้างงานมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะความต้องการในตลาดแรงงาน จึงมีการลักลอบขนคนงานจากประเทศที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อเข้ามาทำงานตอบสนองความต้องการของตลาด และเหตุผลดังกล่าวรัฐบาลได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวและเป็นห่วงว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรครอบสองขึ้นจากกลุ่มแรงงาน จึงได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามขบวนการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

ล่าสุดทีมข่าว “คมชัดลึกออนไลน์”ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่แรงงานต่างด้าวจะลักลอบเข้าประเทศ โดย พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์แรงงานลักลอบเข้าประเทศ ตั้งแต่ที่รัฐบาลผ่อนปรนระยะที่ 5 ก็ทำให้ผู้ประกอบการมีความต้องการใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้แรงงานงานฝั่งกัมพูชาพยายามที่จะเดินทางเข้ามาภายในประเทศไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ โดยช่องทางปกติ ทางด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งในประเทศเข้มงวดมาก สำหรับพื้นที่ของจังหวัดสระแก้วที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ระยะทางกว่า 165 กิโลเมตร และพื้นที่2ประเทศเป็นพื้นที่ติดกันไม่มีอะไรขวางกั้นง่ายต่อการเดินทาง ซึ่งยากต่อการป้องกันระวังการลักเข้ามาในประเทศ

สำหรับแนวทางป้องกัน ตม.สระแก้ว ได้ร่วมบูรณาการ จนท.ทหาร จนท.ตำรวจตระเวนชายแดน ภูธรจังหวัดสระแก้ว ที่อยู่ตามชายแดนได้มีการประชุมมาตรการร่วมกัน การออกตรวจร่วม ปฏิบัติการกวดขันแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศ แต่ละวันสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศได้ถึง 40-50 ราย ซึ่งสืบทราบว่ามีผู้นำพานำ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศมีทั้งคนไทย และคนกัมพูชา ตัวเลขขอไม่เปิดเผย แต่เจ้าตัวเริ่มรู้ตัวแล้ว และยังสืบทราบมาว่าขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจะเปลี่ยนช่องทางเข้าประเทศ โดยจะใช้ช่องทางธรรมชาติผ่ายตามแนวตะเข็บชายแดนพื้นที่จังหวัดอื่น ส่วนการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่จะเข้ามาในรูปแบบกองทัพมด ทยอยเข้ามาทีละ 2-3 คน พอรวมกันได้สัก 5-6 คนก็จะมีรถมารับไปส่งตามจังหวัดต่างๆ ตามคำสั่งออร์เดอร์ จากนายจ้าง ประกอบกับทางฝั่งกัมพูชาเศรษฐกิจไม่ค่อยดีหลายคนจึงเลือกเข้ามาหางานทำในประเทศไทย

ทั้งนี้อยากจะฝากไปยังผู้ประกอบการ และขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน ว่า ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองจะไม่ลดน้อยลง ถ้าพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ นายจ้าง ยังคงว่าจ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายอยู่ หากยังมีความต้องการแรงงานอยู่เยอะ ปัยหาเหล่านี้ก็จะเข้ามาเรื่อยๆ หากเราพร้อมใจกันไม่จ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายปัญหาดังกล่าวนี้ก็จะลดน้อยลง

 

ด้าน พ.ท.นเรนท์ พรหมจรูณ เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจตาพะยา ได้ร่วมกับ จนท.ทหาร จนท.ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ตร.ภธ.จังหวัดสระแก้ว สภ.ตาพะยา ได้ทำงานร่วมกันในการวางมาตรการคุมเข้ม ป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง โดยภาระกิจหลักคือการป้องกันปราบปราม ปัจจุบันสามารถจับกุม แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองกว่า 379 ราย และผู้นำพา 7 ราย แต่เนื่องจากพื้นที่ตะเข็บชายแดนจังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ระยะทางยาวกว่า 165 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่ ที่ 2 ประเทศมีพื้นดินติดกัน ไม่มีแม่น้ำ ภูเขา ขวางกั้น จึงง่ายต่อการเดินทางเข้ามา โดยอาศัยช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดน และเจ้าหน้าที่ก็มีไม่เพียงพอ ทั้งการลาดตระเวน เดินเท้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ดักซุ่ม ส่วนใหญ่จะลักลอบเข้ามาในช่วงของเวลา 19.00 น.-22.00 น. และ 02.00 น. -05.00 น.ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดดักซุ่มจะสามารถเข้าจับกุมได้เป็นประจำทุกวัน

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ (19ก.ค.2563)ที่ผ่านมา ชุดลาดตระเวน ในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ คลองหนองปิง ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ทำการจับกุม ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเป็นชาวกัมพูชา จำนวน 7 คน แบ่งเป็นชาย 5 คน หยิง 2 คน  ไม่พบผู้นำพา ซึ่งจากการซักถามแรงงานให้การว่าลักลอบเดินเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ ตามคำแนะนำจากผู้นำพา จึงนำตัวทั้ง ส่ง สภ.ตาพระยา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุดกับขบวนการและผู้อยู่เบื้องหลังการลักลอบนำแรงงานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งต้องขอความร่วมมือประชาชนในทุกชุมชน ร่วมกันสังเกตและเฝ้าระวัง หากพบการกระทำที่บ่งชี้ถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวกับแรงงานผิดกฎหมายในพื้นที่ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยตรง