ญาติร้องพบพิรุธ "รุ่งศักดิ์เล็ก" อดีตนักมวยถูกยิงดับ เชื่อจัดฉาก

 

วันนี้ 26 มิ.ย. 2563 ที่ กองบังคับการปราบปราม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมนายนัทธี ชูคง อายุ 78 ปี นางกิมห้อง ชูคง อายุ 73 ปี และ น.ส.ชวพร ชูคง อายุ 44 ปี ครอบครัวของนายโอภาส ชูคง อายุ 47 ปี หรือ รุ่งศักดิ์เล็ก ศิษย์ครูศักดิ์ อดีตนักมวยที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เข้าแจ้งความหลังคดีดังกล่าวมี ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี หลานอดีตภรรยาผู้ตาย ไปมอบตัวกับตำรวจภูธรไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้ยิงนายโอภาส แต่ครอบครัวผู้ตายไม่เชื่อว่าเด็กจะเป็นผู้ก่อเหตุได้ และเกรงจะเป็นการจัดฉากขึ้น

 

นายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดเหตุ 3 วัน เด็กวัย 14 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของภรรยาผู้ตาย ก็มอบตัวกับตำรวจ สภ.ไชยา จากนั้นอีก 3 วัน ก็พบปืนของกลางที่ไม่ทราบว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ แต่ญาติผู้ตายเชื่อเป็นการจัดฉาก เพราะกล้องวงจรปิดในพื้นที่กลับใช้การไม่ได้ทั้งที่เพิ่งติดตั้งมา 2-3 เดือนนี้ อีกทั้งยังมีเบาะแสจากพยานเหตุการณ์ที่บอกว่ามีคนอื่นที่เป็นคนยิง ไม่ใช่เด็ก เชื่อว่าคดีอาจมีความเกี่ยวข้องกับคนมีอิทธิพลทำให้ตำรวจไม่กล้าดำเนินคดี จึงมาร้องกองปราบฯให้เข้าไปสืบสวนคดีนี้แทนท้องที่

 

ด้าน นายนัทธี พ่อผู้ตาย กล่าวว่า ตนไปตามคดีมา 2 ครั้ง แต่ตำรวจท้องที่ก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าเด็กจะเป็นคนทำ โดยลูกชายเคยมาเข้าฝันบอกว่าเด็กไม่ได้เป็นคนยิง สำหรับปัญหาก่อนเกิดเหตุพบว่าลูกตนมักจะทะเลาะกับภรรยาบ่อยๆ เพราะอดีตภรรยานั้นต้องการไปมีคนอื่น จึงต้องการให้ตำรวจกองปราบฯเข้าไปตรวจสอบเพื่อหาตัวคนยิงที่แท้จริงด้วย และครอบครัวก็จะไม่เผาศพลูกจนกว่าคดีจะคลี่คลาย

 

 

 

ทางนางสาว ชวพร น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากพวกตนพยายามติดตามคดี ก็จะมีรถกระบะสีขาว 4 ประตู หรือรถเก๋งแปลกๆ ขับเข้ามาในหมู่บ้าน 2-3 วันครั้งหนึ่ง เร็วๆนี้ก็เพิ่งขับเข้ามาจอดละแวกบ้านตน พอไม่เห็นใครอยู่บ้านก็จะขับพุ่งออกไปอย่างเร็ว และยังมีคนนอกหมู่บ้านมาถามคนในหมู่บ้านว่า ครอบครัวพวกตนไปไหนทำอะไร และบอกว่าอย่าพยายามติดตามคดีเลยจะเสียเวลาเปล่า สู้ไม่ได้ ขณะที่ตำรวจบอกว่าหากพบใครต้องสงสัยให้โทรศัพท์ไปหาตำรวจนายหนึ่ง แต่กลับทำให้ผู้ต้องสงสัยไหวตัวหายไปทุกครั้ง

 

 

นางสาวชวพร กล่าวว่า ตนสงสัยว่าอดีตภรรยาพี่ชายจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เพราะก่อนเกิดเหตุเจ้าตัวมีความพยายามยั่วยุให้พี่ชายออกไปข้างนอกบ้านบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาพี่ชายบอกมีปัญหาครอบครัว โดยอดีตภรรยานั้นนอกใจ และมีหนี้สิน และทางภรรยามักมาสอบถามเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้ตายบ่อยครั้ง แม้แต่ในงานศพ ลูกสาวพี่ชายก็มาสอบถามเรื่องมรณบัตร เพื่อนำไปใช้จัดการเกี่ยวกับเรื่องเงินประกันอยู่ตลอด เพราะพี่ชายทำไว้หลายฉบับ อีกทั้งรถยนต์จะต้องตกเป็นของอดีตภรรยากับลูกสาว

 

 

 

นางสาวชวพร กล่าวต่ออีกว่า วิถีกระสุนมีความน่าสงสัย เพราะร่องรอยถูกยิงจากโหนกแก้มทะลุท้ายทอย ซึ่งเด็กมีขนาดตัวเล็กกว่ามาก หากยิงปืนใส่จริงบาดแผลน่าจะต้องเป็นมุมเสย ทั้งศพพี่ชายยังมีบาดแผลที่หน้าผาก รอยช้ำที่หน้าอก และนิ้วมือ ตนคาดว่ายังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2-3 คน คาดว่าเป็นคนในพื้นที่ อ.ไชยา ที่มีความสูงพอๆกับพี่ชาย

 

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป